รีวิว Hokkaido ฉบับปี 2023 (เดินทางเดือนกุมภาพันธุ์)

เกาะญี่ปุ่นที่ชื่อ Hokkaido ผมตั้งใจว่าจะกลับไปทุกฤดูหนาวในทุกปี ซึ่งก็ทำติดต่อกันมาได้ 3 ปีติด จนกระทั่ง Covid-19 ทำให้ผมอดที่จะบินไปที่นี่ถึง 3 ปีเลย ถ้าให้นับก็คืตั้งแต่ 2020 ล่ะมั้ง ปีนี้ 2023 ประเทศต่าง ๆ ทยอยเปิดเต็มที่เลย แน่นอนว่าผมไม่พลาดที่จะกลับมาเกาะนี้อีกครั้ง และนี่คืรีวิววนซ้ายเกาะ Hokkaido ครับ!

บอกก่อนเลยว่า ทริปนี้ไม่เน้นทำคอนเท้นท์แบบเก็บหมดครบทุกที่อะไรแบบนั้นนะ แต่เน้นว่าได้ใช้ชีวิต ได้อยู่เมือง ๆ หนึ่งนาน ๆ สัก 2-3 คืน ซึ่งสำหรับทริปนี้ เราก็เลือก Niseko เป็นจังหวัดหลักเลย เอาล่ะ มาดูแพลนแบบหลวม ๆ ของเรากัน 

  • DAY 1 – เดินทาง แล้วเที่ยวเมือง Sapporo
  • DAY 2 – ออกจาก Sapporo เที่ยวระหว่างทาง ไปรับอุปกรณ์เล่น Snowboard แล้ว Re-skill ช่วงบ่าย
  • DAY 3 – Snowboarding เต็มวันเอาให้จุก ๆ
  • DAY 4 – เก็บจุดห้ามพลาดใน Niseko ต่อด้วย Snowmobile เข้าป่า แล้วปิดท้ายด้วย Snowboard ก่อนเดินทางไป New Chitose
  • DAY 5 – เดินทางกลับกรุงเทพฯ อย่างปลอดภัย

ซึ่งแพลนทริปอย่างละเอียด เพื่อน ๆ สามารถเข้าไป Load File Excel ได้ที่: LINE OA – PALAPILII Th เลยครับ!!! บอกละเอียดแบบไม่ต้องออกแบบทริปเอง ตามรอยได้เลย!!!

เราเดินทาง 2-6 กุมภาพันธุ์ และเอาจริง ๆ แล้วแพลนมันก็แค่แผนการที่มีไว้แหกแหละ ถ้าใจเราสนุกอยู่ตรงไหน ก็อยู่จุดนั้นนานหน่อย รับรองว่าทริปจะสนุกขึ้นโดยไม่ต้องคิดอะไรมากเลย เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เรามาเริ่มกันแบบนับ 0 เหมือน Beginner เลยนะ  

บินสายการบินอะไร 

” บอกก่อนเลยว่าเราไม่มี Sponsor นะทริปนี้ เราจ่ายตั๋วเองแบบบินตรงเลย บิน 6 ชั่วโมงกว่า ๆ กับ AirAsia X ซึ่งค่าตั๋วก็เอาเรื่องอยู่ ได้มาราว ๆ 27,000 บาท ก็ถือว่าถูกที่สุด ณ ตอนนั้น กับช่วงเวลา Prime Time แบบนี้ด้วย เราไปช่วงมีนาคม ซึ่งหิมะกำลังฟูเลย “

นอกจากสายการบินที่ว่า ก็ยังมี Thai Airways และก็อื่น ๆ อีกมากมายตามเวลาที่เพื่อน ๆ ว่าแมทซ์กับตัวเองนะครับ ซึ่งของเราบินตอนตี 3 ถึงสาย ๆ ที่ New Chitose ถือว่าไม่แย่ แต่ถ้าจะให้เวลาดี ๆ เลยนะ บินสักช่วง เที่ยงคืนตีหนึ่งแล้วตื่นไปเช้าที่นั่นเลย โอเคกว่า ยังไงลองหาตั๋วดูครับ 

การเข้าประเทศญี่ปุ่นปี 2023 

ต้องบอกว่าเดี๋ยวนี้ทุกอย่างเค้าผ่าน Online กับเกือบทั้งหมดเลย ทั้งการตรวจ Vaccine Covid และยืนยันตัวตนต่าง ๆ ทำให้ง่ายต่อการเข้าเมืองมาก ๆ เพื่อสามารถลงทะเบียนและกรอกประวัติตัวเองคร่าว ๆ พร้อม Flight บินขาเข้าขาออกก่อนเข้าประเทศญี่ปุ่น เพื่อลดเวลาในการเขียนใบ ตม. ได้เลย ก็คือ นักท่องเที่ยวทุกคนจะต้องลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ Visit Japan Web ก่อนเดินทางอย่างน้อย 6 ชั่วโมง การต่อคิวตรวจคนเข้าเมืองก็จะเร็วขึ้น เพราะเราทำ online มาแล้ว ที่เหลือก็ไม่มีอะไร ออกได้สบาย ๆ สำคัญคืออย่าเอาพวกของต้องห้ามไปแค่นั้น ทองคำแท่ง กัญชา หรืออะไรที่มันดูผิด ๆ ก็ไม่ต้องแบกไป 

การเดินทาง 

รอบนี้ขออนุญาตแชร์การเดินทางด้วยการเช่ารถนะครับ คือทุกครั้งที่มา ไม่เคยนั่ง JR เลย จะบอกว่ารถเช่าที่ญี่ปุ่นไมได้แพงขนาดนั้นเด้อ แล้วช่วงหน้าหนาว ถ้าเช่ารถ ก็สบายเราด้วย สะดวกสุด ๆ ไม่หนาว ไม่ต้องไปยืนรอ ตากลม บลา ๆ ทริปนี้เช่ารถกับทาง Nikku Rental Car  

ตรงนี้เพื่อน ๆ สามารถเลือกรถโดยตรงผ่านทาง Tocool หรือ Web Booking อื่น ๆ ได้เลยนะ พอลงทะเบียนเสร็จ แต่ละเจ้าจะมีจุดนัดเจอ เพื่อเอา Shuttle Bus ไปรับที่ Parking ของแต่ละบริษัทแตกต่างกัน ให้ยึดถือใน E-mail เป็นหลัก ไม่ยาก ง่าย ๆ นิดเดียว 

ปกติแล้ว จาก Parking Rental Car มาสนามบินจะใช้เวลาแค่ 5-10 นาทีเท่านั้น ไม่เกินนี้ เพราะฉะนั้นไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องรอนานหรือขากลับจะตกเครื่องอะไรแบบนั้นเลย เค้าไปส่งเราถึงประตูทางเข้าสนามบิน ไม่ต้องเดินลากกระเป๋าอะไรเยอะแยะ ชิลสุด ๆ ยังไงลองดูนะ 

ซิมการ์ด 

แนะนำเป็นซิมของที่นู่นนะ เพราะจะได้โทรหาเบอร์ที่นู่นได้ด้วย เวลามีปัญหาอะไรมันสะดวกกว่าจริง ๆ รอบนี้ผมเองไม่ได้ซื้อ เพื่อนสมัคร Sim2Fly มา ใช้ได้ดีเลยนะ Internet อ่ะ ใช้ได้ยันบนเขาตอนเล่น Snowboard แต่ มันโทรเบอร์จี่ปุ่นไม่ได้นี่สิ ซึ่งราคาพอ ๆ กับมาซื้อซิมที่นี่ ผมก็เลยแนะนำให้เสียเวลาจองซิมผ่านทาง Website มาก่อน แล้วมารับ Sim จี่ปุ่นที่สนามบิน อันนี้ก็ถือว่าสบายไปเปราะหนึ่ง 

ส่วนแบรนด์ที่ผมแนะนำ ก็จะเป็น Sakura Sim นะครับ อันนี้ใช้มาตั้งแต่เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรกในชีวิตเลย ดีจริง ๆ ไม่จกตา ยังไงลองดู หรือจะเป็นเจ้าอื่นตามที่เพื่อน ๆ ถนัด อันนี้ก็ไม่ว่ากัน ทริปนี้ทั้งทริป ผม No Sponsored ครับ รีวิวแบบ Real สุด ๆ ดีก็บอกว่าดี แย่ก็ขอพูดน้อย ๆ แล้วกัน 

ข้อควรรู้อื่น ๆ สำหรับการตามรอยทริปในบทความนี้ 

  1. กายขับรถ ขับพวกขวาชิดซาย 
  2. ปลั๊กเหมือน ๆ บ้านเราครับ เป็นหัวแบน แต่เอา Adapter ไปแปลงด้วยก็ดีกว่า 
  3. ค่าครองชีพเอา 3.5 หารเลย จะได้เป็นเงินไทยมาแบบกลม ๆ 
  4. ใช่ ที่นั่นทุกอย่างแพงกว่าบ้านเรา 3 เท่าครับ 
  5. เวลาเร็วกว่าบ้านเรา 2 ชั่วโมงนะ ปรับเวลากันด้วย 
  6. ตอนกลางวันคนจะไม่พลักพล่านเท่าตอนหลัง 3 ทุ่ม บอกเลยว่าครึกครื้นสุด ๆ 
  7. ช่วงที่ไป ร้านหลาย ๆ ร้านอาจจะยังไม่เปิด 100% นะ นักท่องเที่ยวยังน้อยอยู่ ไม่ก็ยังฟื้นจาก Covid แบบกู้ไม่ทัน 
  8. ถ้าไม่ได้ใช้รถเยอะ ไม่ต้องซื้อ ETC การ์ดนะ จ่ายตังค์เอาตามจุดต่าง ๆ ก็พอ 
  9. ตอนจองทีพักดูด้วยนะ ว่ามีออนเซ็นหรือเปล่า แนะนำให้จองในแบบที่นี่ออนเซ็น ดีสุด ๆ 
  10. Drone ถ้าไม่ทำเพื่อการค้า ถ่ายเพื่อนำไปใช้เชิงพาณิชย์ ไม่ต้องขออนุญาตอะไรครับ ผ่าน ตม.ได้ปกติเลย 

” และนี่ก็คือสิ่งที่ควรเตรียมตัวก่อนเดินทางสำหรับทริป Hokkaido หน้าหนาวปี 2023 ซึ่งขอบอกว่า ทริปนี้ เล่น Snowboard ไปแล้ว 3 วัน แต่ก็แทรกกิจกรรมนิด ๆ หน่อย ระหว่างทริปวเยอะพอสมควร เชื่อว่าทุกคนจะ Manage เวลาได้ดีกว่าเรา ถ้าเกิดอ่านรีวิวเราจนจบหน้าสุดท้าย เอาล่ะ เริ่ม!!! “

DAY 1: BKK – CTS 

ขอตัดภาพมาถึงสนามบิน New Chitose เลยแล้วกันนะครับ ก็คือตอนอยู่บนเครื่องนอนกันยาว ๆ เลย บินตีสาม มาถึงนี้ราว ๆ 11:30 น. ครับ พอมาถึง ก็ตามที่เกริ่นไป เราเช่ารถไว้เรียบร้อยแล้ว ก็เปิดเมลล์ แล้วเดินตามไปที่จุดนัดพบครับ ซึ่งของเราเค้าบอกว่าให้ไปที่ Zone Domestic ชั้น 1 ลงลิฟท์ Center พอถึงไปรษณีย์เก่าแล้วให้โทรหาเค้า เค้าจะมารับภายใน 10 นาที 

ต้องบอกว่าคนญี่ปุ่นคุยภาษาอังกฤษฟังค่อนข้างยาก แต่ก็ต้องเข้าใจให้ได้นะครับ ไม่งั้นแย่เลย เคสเรา นางบอกทะเบียนรถผิด แต่ดีที่ตัวรถติดป้าย Company Nikku ไว้ เลยขึ้นรถถูก กรณีที่ซื้อซิมไว้ ก็ไปรับ Sim ให้เสร็จก่อนเลยนะ อยู่โซน Arrival ของทั้ง Domestic และ International เลย เอกสารที่ใข้ก็แค่ยื่น Passport ให้เค้าแค่นั้น เพราะตัว Booking มัน Sync กันเรียบร้อยแล้ว ตรงนี้จะใช้เวลาราว ๆ 5 นาที ถ้าไม่มีคิว แต่สิ่งสำคัญคือ หลังจากที่เปลี่ยน Sim แล้ว ต้องทดลองเล่น Internet ตอนนั้นเลยว่าได้ไหม ถ้าได้ก็ถือว่าไปต่อได้ครับ 

สำหรับวันแรก เรากะจะใช้ชีวิตแบบ Urban ครับ เน้นเที่ยว กิน ดื่มเลย ซึ่งก็แน่นอนว่าการจองห้องพัก เลยต้องอยู่ใจกลาง Downtown เลย เราเลือก Tokoyo Inn Hokkaido ครับ อยู่ใกล้กับพวก ร้านอาหารและโซน Shopping ต่าง ๆ วันนี้ทั้งวันผมบอกเลยว่าเดินจนเมื่อย 

จริง ๆ ตรงนี้ผมไม่ได้อยากแนะนำอะไรมาก เพราะทุก ๆ ร้านเข้าไปมันดีหมดเลย แต่มันก็จะมีตำนานที่ต้องมากิน หรืออะไรพวกนี้อยู่ แบบไปแล้วพลาดไม่ได้นะอะไรแบบนั้น ซึ่งผมก็จะพูดถึง 5 ร้านอาหารที่ห้ามพลาดที่ได้ไปมาจริง ๆ กินด้วยปากตัวเองแล้วกล้าพูดได้เลยว่า มึง ห้าม พลาด!!!! 

1. ตลาดปลา Nijo จุดนี้ห้ามพลาด Hokkaido Crab

2. ปิ้งย่าง 腸うまいホルモン魂 じゃんごー เป็นปิ้งย่างเนื้อดีที่มีแค่ 3-4 โต๊ะ เนื้อคือแบบ OMG!!!

3. ซูชิสายพาน Nemuro Hanamaru*** มึง อันนี้กูให้เป็น The Best แบบที่สุดในชีวิตนี่แล้ว

4. Sumibi Izagaya สายดื่มห้ามพลาดดดด!!! จ่าย 750 JPY เติมเบียร์แบบ run ยาว ๆ 90 นาทีไปเลยจ้าาา 

5. Tenhou Ramen ซุปเส้นคือลงตัวสุด เชฟทำซุปชามต่อชามแบบแขกเยอะช่างแม่ง กูจะต้มถั่วงอก

” อกอีแป้นจะแตก นี่ก็แดกไป 5 ร้านภายในครึ่งวันหรอเนี่ย ๕๕๕๕ ต้องบอภกว่าแดกไม่หยุดจริง ๆ แล้วแต่ละร้านเบียร์ห้ามขาดนะ เสิร์ฟมาเรื่อย ๆ เลย คือแค่วันแรกก็คืออ้วนแล้วครับ “

จริง ๆ แล้วเรื่องการแต่งตัวก็สำคัญมาก ๆ เลยนะ หน้าหนาวแบบนี้ เสื้อผ้าหน้าผมต้องกันหนาวแบบเอาอยู่ ช่วงที่เราไปก็คือหิมะตกหยุด ๆ เหมือนฝนสามฤดูแถวภาคใต้ แต่นี่หิมะบวกลมไง แล้วกระเป๋าสำหรับการเดินทางไปต่างประเทศนี่ก็ต้องเอาที่มั่นใจหน่อย จะพูดว่าเป็นจี่ปุ่นไร้โจรขโมยก็เถอะ ปลอดภัยไว้ก่อน 

ทริปต่างประเทศแบบนี้ Pacsafe คือตัวเลือกอันดับหนึ่งเลย เกิดมาพึ่งเคยมีกระเป๋าแบบนี้ใช้ ยอมรับว่าไม่เคยคิดใช้เลย แต่ตอนนี้คือเลิฟฟฟฟฟ!!! ซึ่ง Vibe 28L Anti-Theft Backpack เป็นกระเป๋าเป้กันขโมย จาก #Pacsafe ครับ เหมาะสำการเดินทางมาก ๆ ไม่ว่าจะไปไหน รับรองหายห่วง!!!

  • สามารถใส่แล็ปท็อปและเสื้อผ้าได้ภายในกระเป๋าใบเดียว คือโซนหรือช่องในกระเป๋าออกแบบมารองรับไว้แทบจะทุก lifestyle เวลาเตรียมของก่อนเดินทางก็ง่ายขึ้น เป็นระเบียบขึ้น
  • มีซิปล็อค 3 ชั้น ช่วยป้องกันทรัพย์สินในกระเป๋า
  • ตัวสาย anchor strap ฝังสายสแตนเลจ ป้องกันการตัดสายกระเป๋า #คือกรีดไม่ขาดเข้าไปด้านใน
  • ช่อง RFID ป้องกันการถูกโจรกรรมบัตรเครดิตและพาสปอร์ต
  • สามารถใส่แล็ปท็อปขนาด 15 นิ้วได้และช่องที่มีการบุนุ่ม เพื่อการป้องกันการกระแทก
  • มีช่องด้านข้างสำหรับใส่กระบอกน้ำเวลาเดินทาง ประบขนาดตามไซส์ขอบได้ด้วยเน้อ
  • มีสายรัดด้านใน ช่วยกระชับและเก็บของให้อยู่กับที่
  • มีสายรัดเอวสามารถถอดและปรับระดับได้ เพื่อความมั่นคงในการพกพา อันนี้สบายจริง
  • ความคิดมาแล้ว คือมีช่องสำหรับเสียบกับด้าน luggage เวลาลากในสนามบินด้วย เจ๋งจัด

และที่ปลื้มคือออออ บางวัสดุนางเอาขยะในทะเลนำมา recycle จ้าาาา มี 2 สี กรมท่า กับดำ เราเลือกสีดำมา ราคาประมาณ 7,000 กว่าบาท ถ้าเทียบกับสิ่งที่ได้

ส่วนพวก Shopping ที่นี่ก็จะดังในเรื่อง 2nd Street ครับ ของมือสองเกรดดี ราคาสมเหตุสมผลเพียบ อาหาร ไอติม ของกินเล่น วิว บรรยากาศ ที่ถ่ายรูปเล่นต่าง ๆ คือพวกนี้ เอาตามเวลาที่พวกคุณมีเลย ถ้าไม่เหนื่อยก็เรื่อยเปื่อยต่อไป อันนี้เป็นภาพบรรยากาศตอนที่พวกเราไปมาครับ กลับมาห้องต้องยกเท้าขึ้นเพดานเลย เดินเยอะเหมือนลง mini marathon ๕๕๕๕ 

DAY 2: Road Trip 

สำหรับวันนี้เราตื่นกันสบาย ๆ ทานอาหารเช้าที่โรงแรม Check out แล้วก็เริ่มต้นเดินทางกันเลย ซึ่งระหว่างทางมีจุดหนึ่งที่เราแนะนำให้เพื่อน ๆ เดินทางไปครับนั่นก็คือ Moai Statue, Stonehenge ซึ่งสามารถ Search ไม่ให้ไปประเทศอื่นได้โดยการค้นหาด้วยคำว่า Makomanai Takino Cemetery นี่เลย

ที่นี่จะเป็นแหล่งรวบรวมสิ่งมหัศจรรย์ของโลกแบบจำลองขนาด 1:1 ไว้ ไม่เหมือนแต่คล้าย ก็ได้อารมณ์สุด ๆ ไปช่วงหน้าหนาวมีบางจุดที่ไม่สามารถเข้าได้ เพราะหิมะถล่มท่วมปิดพื้นที่ไว้ จุดไหนสามารถเดินไปได้ เราก็เดินไป และนี่คือบรรยากาศบริเวณนี้ครับ 

เอาจริงว่าจะแค่ขับผ่านแล้วถ่ายรูปจากในรถ เพราะหิมะตก แต่พอได้ลงไป มันหนาวสะใจดีครับ บวกกับรูปที่ถ่ายออกมา ก็เหมือนกับว่า เราได้ไปเที่ยวต่างประเทศจริง ๆ ก็คือหิมะตกจากหนาว ๆ เห็นภาพสวย ๆ หลังเลนส์เลยลืมความหนาวไปเลย ระหว่างหนาวกับได้ภาพสวย เราเลือกได้ภาพสวยแบบไม่ต้องคิดไรเลย 

จากจุดนั้นขับต่อไปอีกราว ๆ 1-2 ชั่วโมง ก็จะมาถึง Niseko ซึ่งต้องบอกงี้ว่า ช่วง 30 นาทีสุดท้าย จะเป็นช่วงเวลาที่เราต้องขับรถวนรอบเขา Yote ครับ วิวและบรรยากาศสวย มาก ๆ เอาจริง แค่นี้ก็คุ้มแล้วนะ 

ก่อนเข้าไปในโซน Downtown เราแวะไปรับ Gear ต่าง ๆ ที่เช่ามาไว้ก่อน รอบนี้เราเช่ากับเจ้าเดิมที่เราเช่าปกติ เพราะที่นี่เมื่อจองออนไลน์ไว้ เค้าจะลดราคา 30% เลย ชื่อ Goodsport Nkseko Shop ครับ ยังไงเพื่อน ๆ ลองกดเข้าไปดูของคร่าว ๆ ได้เลย 

จะมีแบบไปรับเอง แล้วก็เค้าขับรถไปส่งด้วยนะ แต่ก็แนะนำให้เลือกไปรับเองนะครับถ้าขับรถไปเอง เพราะเราจะได้ลอง Size รวมถึงทดลองสีต่าง ๆ ด้วย ไม่พอใจก็ขอเค้าเปลี่ยนได้เลย 

แพลนเดิมคือเราต้องไป Check in ก่อนครับ แต่เมื่อได้ของแล้วลานสกีมันเป็นทางผ่านแล้วนั้น Lesson 1 จึงเกิดขึ้น ทุกคนที่มากับเรารอบนี้ ไม่มีใครเคยเล่นมาก่อน ฉะนั้น เราเลยกลายเป็น Trainer โดยปริยายไปเลย เอาล่ะ ไม่เป็นไร ตั้งใจมาสอนอยู่แล้วรอบนี้ 

วันแรกของการเล่น Snowboard ไม่สิ เรียกว่า learn & re-skill แล้วกัน เรามาเล่นที่ Grand Hirafu Gondola ครับ จุดนี้เอง ช่วงโซนลิฟท์ สามารถฝึกสอนได้ ก็สอนตั้งแต่วิธีใส่อุปกรณ์ วิธีการเดินแบบขาเดียว การลุกจากการล้ม พอเริ่มได้ ก็สอน Falling Leaf ครับ ตามลำดับที่ตัวเองเคยเรียนมาเลย หลังจากนั้นพอทุกคนเริ่มรู้ Concept แล้ว ผมเองก็ไปซื้อ Lift Ticket แบบคนละ 2 rides ที่นี่ขาย Ride ละ 500 JPY เท่านั้น ผมว่าถูกที่สุดในละแวกนี้แล้ว เอาล่ะ มาดูกันว่าแค่ 2 Rides เนี่ย จะใช้กันหมดหรือเปล่า  

ใช่ มันยากตั้งแต่ขึ้น Lift แล้ว ถ้าเกิดใครเคยไปจะรู้ ว่าตอนไม่เป็นนี่คือกลัวสุด ๆ ระแวงสุด ๆ ไปเลยว่าตัวเองจะล้มไหม แต่เชื่อเหอะว่า สัญชาตญาณมนุษย์ไม่มีทางให้ตัวเองได้ล้มหรอก จนกระทั่งขึ้นลิฟต์ไปแล้ว ถึงช่วงลงนี่แหละ ยังไงก็ล้มครับรอบแรก เพราะตอนช่วง Drop เนี่ย จะมีเนินให้เลย Slide ไป มือใหม่ล้มชัวร์ 

ซึ่งก็เป็นไปตามคาด เอาล่ะ มาใส่ Boots ให้ครบทั้งสองเท้ากัน จากนั้นผมก็จับมือทุกคนแบบ One by one เลย สอน Falling Leaf ทีละคนให้แค่พอจับความรู้สึกได้ จากนั้นผมก็ปล่อยเลยครับ ทดลองให้ลงไปยังด้านล่างด้วยตัวเอง วันนั้นต้องบอกว่าหิมะตกพอประมาณ แต่ก็ปิดภูเขาไฟโยเตอยู่ ทุกคนเก่งมากที่ลงมาได้ หัวน็อคก็มี ปวดขาก็มี ร้าวทั้งตัวก็มี แต่นี่แหละ คือสีสัน ของการเล่น snowboarding ไม่เจ็บก็ไม่ใช่  สุดท้ายซื้อมา 2 rides มีคนใช้ไม่ครบจริง ๆ ด้วย

ตกเย็นเราไป Check in ที่บ้านเราครับ รอบนี้เราพักที่ Country Resort Niseko บ้านชื่อ Mayurama ราคาสำหรับ 3 คืน 140,000 JYP นอนได้ 6 คน จะบอกว่าเรานอนจริงแค่ 2 คืนแหละ เพราะว่าก่อนมาปรับแผนไปนอนที่ Sapporo ก่อน 1 คืน เลยเสียฟรีไป 1 คืน แต่ก็ถือว่าดีครับ ใช้ได้เลย 

เดี๋ยวรีวิวบ้านเอาไว้ช่วงเช้าแล้วกันครับ หิวแล้ว หลังจากที่ทุกคนเก็บข้าวของกันเสร็จ ก็พากันไปร้านหนึ่งที่ผมมาทุกครั้งต้องแวะไปทุกครั้งจนกลายเป็นร้านประจำไปแล้ว นั่นก็คือร้าน Niseko Soan เป็น Buffet Grill ครับ ความพิเศษของที่นี่คือ ทานได้ไม่อั้น 1 ชั่วโมงในราคา 3,200 JPY  

ทีเด็ดคือเนื้อแพะ อร่อยสุด ๆ และชอบที่ทางร้านเค้าเอาผักที่ปลูกจากหิมะ Hokkaido มาเสิร์ฟ บอกเลยว่ากินเปล่า ๆ อร่อยมาก อร่อยแบบ เห้ย ทำไมมันกรอบ เนื้อแน่น และหวานมันขนาดนี้ กินสด ๆ ได้เลย แล้ววิธีที่จะเอามาต้มก็คือเอาผักพวกนี้รองบนกระทะ แล้วค่อยเอาเนื้อรองด้านบน แค่นี้ก็จะกลายเป็นเนื้อต้มแล้ว 

นี่ที่เนื่องจากว่าพนักงานมีหลายชนชาติ แล้วจะมีคนออสคนหนึ่ง นำเบียร์ออสมาขาย ชื่อ VB อยากให้ลอง อร่อยมาก หวานดี แต่ไม่เลี่ยน กินเคล้ากับปิ้งย่างบอกเลยว่าฟินสุด ๆ 

censored!!!

วันนี้คือเหนื่อยมาก เหมือนทั้งวันมี 48 ชั่วโมง รู้สึกว่าทำอะไรหลายอย่างจนแบบ โอ้โห เอาพลังมาจากไหน เดี๋ยวคืนนี้นอนหลับฝันดี แล้วพรุ่งนี้จะมารีวิวที่พักให้ดูกัน 

DAY 3: Snowboarding Day 

วันนี้เป็นวันที่เราแพลนให้ทุกคนเล่น Snowboard กันทั้งวันเลย แต่ก่อนอื่น เราจะพามาชมบ้านสุดพิเศษของเราก่อน ที่นี่อยู่ในหมู่บ้าน Country Resort Niseko บ้านหลังที่ 107 ชื่อ Mayuramaเป็นบ้านสองชั้นครับ เราเลือกแบบ Premium เลย ซึ่งจริง ๆ แล้วเค้าจะมี 3 แบบให้เลือก 

จะมี Premium ตามแบบของเรา มีวิว Yote แล้ววิว Forest ซึ่งบ้านหลัง Forest View จะถูกสุด ส่วน Premium จะแพงสุด ก็ไหน ๆ นาน ๆ มาที ก็ต้องจัดของดีไว้ก่อนครับ ตัวบ้านมีสองชั้น ไปดูกัน 

ชั้งแรกจะเป็นโซนห้องนอน มีสามห้องนอน สองห้องน้ำ ห้องนอน Super Bedroom จะมีอ่างอาบน้ำและห้องน้ำในตัว ด้านนอกแบบโซนสองระดับ โซนต่ำสุดไว้ถอดรองเท้า พื้นจะมี heater และเป็นโซนซักล้าง สามารถซักเสื้อผ้าได้ 

พวกห้องน้ำก็คืออุปกรณ์ดีมาก ๆ โดยเฉพาะระบบ Auto ต่าง ๆ คือดีแบบไม่มีที่ติด แรงดันน้ำอะไรพวกนี้คือได้หมดเลย ชอบมาก ๆ พวกเครื่องอาบน้ำและ Amenity ก็คือ ยกนิ้งโป้งให้เลย 

ขึ้นมาชั้นสองเป็นโซนนั่งเล่นที่หะหรู หะหรา หมาเห่ามาก ๆ โต๊ะทำงาน ที่ทานข้าว โซนเตรียมอาหาร ครัว โซฟาดูทีวีดีไปหมด หน้าจอก็ใหญ่มาก อุปกรณ์ทุกอย่างคืออยากบอกว่า อยาก Copy แล้ว Paste ไว้ที่ไทยเลย คือชอบ Design มาก ๆ เปิดม่านออกไป ก็คือเห็นวิวรอบบ้าน มีภูเขาไฟโยเตอยู่กลาย ๆ 

ที่นี่เป็นอีกทีที่แนะนำให้มาพักนะครับ ดีจริง ๆ พักขึ้นต่ำ 3 คืน ราคาบ้าน 140,000 JPY พักได้ 3 คน พร้อมที่จอดรถด้วย เอาล่ะ คิดว่าได้เห็นตัวบ้านคร่าว ๆ แล้ว เดี๋ยวเราเก็บบอร์ดเตรียมไปเล่น Snowboard กันทั้งวันเลย 

วันนี้เป็นวันที่หิมะตกตลอด ยังไงลองไปดูบรรยากาศกันครับ ยาว ๆ เลยนะ ก็เล่นกันตามประสาคนบ้านไม่มีหิมะครับ สนุกสุด ๆ ซึ่งตกเย็นเราจะพาเพื่อน ๆ ไปทาน ราเมนร้านดังในย่าน Downtown กัน อยู่ใกล้ๆ กับ Grand Hirafu Base เลย สามารถจอดรถแถวนั้นได้ แต่บอกไว้ก่อนว่าต้องต่อคิวอย่างน้อยก็ 30 นาทีแหละ เดินเข้าไปแล้วกดคิวด้วยตัวเองนะ ไม่ต้องรอให้พนักงานเดินเข้ามาถาม เค้ามีหน้าที่เรียกคิวเท่านั้น 

ที่นี่เป็นอาหารจี่ปุ่งแบบจ๋าเลย มีราเมน ข้าวหน้าเนื้อ เกี๊ยวซ่า ไก่ทอด กินกับเบียร์ คือที่พูดมาเราสั่งหมดเลยนะ อร่อยมาก ๆ ด้านบนเป็นร้านขายของฝาก สามารถเดินชมหรือเลือกซื้อของรอก่อนได้ 

อันนี้เป็นหน้าตาอาหารเรา เอาเป็นว่า ร้านนี้เป็นอีกร้านหนึ่งที่ห้ามพลาดถ้ามาเมืองนี้แล้วกัน ยังไงต้องเว้นไว้สักช่วงของทริปนะ รับรองว่าดี ไม่ผิดหวัง 

DAY 4 – Snowmobile 1st Time

วันนี้ครึ่งวันแรกจะไปเล่น Snowmobile ซึ่งเป็นครั้งแรกในชีวิตสำหรับผม และครึ่งวันหลังจะเก็บ Snowboard ก่อนกลับ ซึ่งเอาจริง ๆ แผนเราเปลี่ยนนะ ตอนแรกจะไป Norobetsu แต่เปลี่ยนแผนเพราะว่าวันนี้ฟ้าเปิดมาก ๆ  

ก่อนไป Snowmobile เราก็ไปร้านห้ามพลาดร้านหนึ่งคือ Farm Milk NOBO จุดนี้เองต้องบอกว่า ที่ Hokkaido เป็นเมืองที่เค้าเลี้ยงวัวกันช่วงหน้าร้อนครับ แล้วคือพวกผลิตภัณฑ์ที่เค้าแปรรูปมาจากนมที่นี่จะสดใหม่มาก ๆ ทำให้อาหารหรือของทานเล่นที่นี่หอมสุด ๆ 

ไม่ว่าจะเป็นโยเกิร์ต ซูครีม ไอซ์ครีม ชีส คือบอกเลยว่า เนื้อเนียน กลิ่นหอม นัวละมุนลิ้นมาก ๆ ห้ามพลาดคือซูครีมนะ อร่อยสุด ๆ แล้วคือถ้ามีเวลานั่งทานในร้าน จะได้เห็นวิวภูเขาไฟโยเตจากในร้านเลย ดีมาก ๆ 

เดินไปหน่อย หลังร้าน จะเป็นมุม Mt.Yote ที่สวยแบบไม่มีอะไรมากั้น เรียกได้ว่าเป็นลานกว้าง ๆ ที่ช่วงหน้าร้อนเป็นสนามหญ้าปล่อยให้วัวกินนม พอเราไปไม่มีรอยเท้าอะไรเลย ก็ไปแบบเพลน ๆ เลย ถ่ายรูปสวยมากจุดนี้ ยังไงไปดูภาพกัน 

หลังจากนั้นก็ขับไปที่จุดนัดพบกับ Snowmobile ซึ่ง เราเองนัดพบที่ Grand Hirafu Base ครับ เพราะพอคำนวณดูแล้ว ใช้เวลาเล่น Snowmobile เพียงแค่ 1 ชั่วโมงครึ่งเท่านั้น  พอเราไปที่จุดนัดพบ ก็มีรถมารับ พร้อมชูป้ายชื่อเราครับ ขับจาก Grand Hirafu ไปโซน Hanazano Resort ครับ แต่ก่อนถึง จะมีแยกเลี้ยวขวาเล็ก ๆ เข้าไป พอเข้าไปบรรยากาศก็เปลี่ยนเลย หิมะสูงริมทางท่วมรถครับ ขับไปเรื่อย ๆ ราว ๆ 5 นาที ก็จะมี Club สำหรับนั่งรอ 

เราเดินเข้าไป ดูเหมือนเราเหลทครับ ทุกคนก็รีบให้เราจัดแจงจัดการเซ็นเอกสารยินยอม ใส่หมวกกันน็อค เช็กถุงมือ แล้วเดินออกไปเลย ทุกอย่างรวดเร็วมาก แต่ก็ดีครับ รักษาเวลาสุด ๆ 

ช่วงแรก เค้าจะแนะนำวิธีการขับจากนั้นก็จะ start รถให้แล้ว ก็ให้เราฝึกขับทดลองในสนามทดลอง 3 ตอบครับ เพื่อให้ชินกับการ Control หลังจากนั้นก็ออกทริปยาว ๆ 1 ชั่วโมงเต็มเลย 

เอาจริง ผิดคาดนิดหน่อย เราคิดว่าเค้าจะพาเราออกแนว Cross Country อะไรแบบนั้น แบบไปในเส้นทางลุย ๆ ป่า ๆ เข้าป่าสน ลุยหิมะฟู ๆ แต่เปล่าเลย ขับไปตามทางที่เข้ากำหนดไว้ให้ ๕๕๕๕ เอ้ออออ มันจะสนุกไหมเนี่ย  ก็ไม่ได้สนุกขนาดนั้น แต่ได้ภาพสวยกลับมาไหม ก็ได้ครับ ขับไปเกือบครึ่งชั่วโมง เค้าก็จะไปจอดตรงจุดพักรถ ชมวิว แล้วก็แจกโกโก้ร้อนคนละแก้วครับ ตอนนั้นไม่สนโกโก้เลย สนวิวอย่างเดียว จุดนั้นวิวสวยมากกกกกกก 

หลังจากนั้นเราก็ขับกลับครับ ถามว่าควรมาไหม ก็ควรครับ เพราะสนุกไปอีกแบบ แล้วก็ราคาไม่แพงครับ ตกคนละประมาณ 3,000 บาทเท่านั้น แต่ได้ประสบการณ์ที่ประเทศไทยไม่มีแบบนี้ ผมว่าอย่างไรก็คุ้มครับ  

เอาล่ะ… หลังจากนั้น เราโชคดีนิดหน่อย ตรงนี้ร้านเช่า Snowboard ไม่เก็บเงินเราครับ เค้าบอกว่า Special Service ก็คือเราได้เล่นฟรี ๆ ไปเลยวันนั้น แต่ก็จ่ายค่าลิฟท์เองนะ ซึ่งวันนี้ฟ้าเปิดมากตั้งแต่เช้าแล้ว ได้ภาพสวย ๆ มาเพียบเลย 

อันนี้ก็จะเป็นวิวและบรรยากาศช่วงที่ไปเล่น Grand Hirafu ก่อนที่จะขับเข้าเมืองไปโซน New Chitose ก่อนบินกลับครับ ยอมรับเลยว่า ผมมาที่นี่ 4 ครั้งแล้ว ก็ยังไม่เบื่อเลยจริง ๆ 

เอาล่ะ ขับรถกลับยาว ๆ ระหว่งางทางก็มีแวะกันบ้าง ตรงนั้นขอไม่พูดถึงแล้วกัน จนไปถึงที่พักเราคืนนี้ผมชอบมาก ๆ ก็คือมี Onsen บน Rooftop เปิดครับ เป็น Outdoor ที่ดีมาก ๆ ผมไปตอนเช้าของอีกวันนะ แต่เย็นนี้ ผมจะแนะนำร้าน Izagaya ร้านใกล้ ๆ ที่พัก 

ที่นี่มีเมนูเด็ดหลายจานเลย แต่ที่ผม Crazy ที่สุด เห็นจะเป็นจานนี้ครับ ข้าวต้นทะเล Sashimi คือเค้าทำดีมาก ๆ กลิ่นหอมสุด ๆ แล้วด้วยความที่อากาศที่มีมันเย็น ทำให้พวกอาหารหรืออะไรที่กินดิบ ๆ เนี่ย มันสด ใหม่จริง ๆ เลย คือทานไป หอมตะหลบลิ้น เคล้าขึ้นจมูก ลิ้นสัมผัสกับความหวานฉ่ำ ของอาหารทะเลอีก มันฟินสุด ๆ 

ก็ใช้เวลาอยู่ร้านนี้คืนสุดท้าย ถือเป็น Location ที่ดีเลย เพราะใกล้สนามบิน แล้วก็มีร้านต่าง ๆ ให้เราได้เดินเล่น รวมถึงดองกี้ด้วย 

DAY 4: CTS – BKK 

วันนี้เราไม่มีอะไรแล้วครับ ก็ขับรถไปคืน แล้วก็ไปสนามบิน ที่เช่ารถบริการดีมาก ก็ขับรถไปส่เราถึงหน้าประตูเคาเตอร์เช็กอิน จากนั้นก็ร่ำลากัน 

เอาล่ะ มาสรุปค่าใช้จ่ายกัน พวกของกินเล่นส่วนตัวผมจะไม่เอ่ยถึงเยอะนะ จะเอ่ยถึงแต่ร้านแนะนำ มาดูว่า ทริป 5 วัน 4 คืนรอบนี้ พวกเราจ่ายไปคนละกี่บาท มาดูกัน 

สรุปค่าใช้จ่ายทั้งทริปคือคนละ 48,905 บาท โดยประมาณ แบบรวมตั๋วเครื่องบิน ทริปนี้เราสนุกมากครับ แล้วเจอกันระหว่างทางนะทุกคนนนน!!!

Leave a Reply

*