น่านนนนนนน ว่าแล้วว่าฟ้าหลังฝนสวยงามเสมอ บอกเลยว่าไม่ผิดหวังที่ชวนแก๊งค์คนเหงา คว้ากุญแจรถคู่ใจ Road Trip จากเมืองกรุงมาตามหาความชุ่มฉ่ำที่ “น่าน” คือมันดี ที่สุดเลยเว้ยเห้ยยยยย
D A Y 1: เ ห ตุ ผ ล ข อ ง ก า ร เ ดิ น ท า ง
ถ้าถามว่าทำไมชอบเที่ยวฤดูไหนที่สุด ก็คงตอบได้ว่าฤดูฝนนี่แหละ เพราะมันสวย มันเขียว มันดีต่อใจบางๆ ของใครหลายคนมาก แล้วเชื่อไหมว่า กลิ่นของฝนตกมีชื่อด้วยนะ นั่นคือ “เพทริคอร์” โดยกลิ่นนี้มักจะเกิดขึ้นช่วงฝนหยุดตกใหม่ ๆ เกิดได้จาก 2 สาเหตุ ได้แก่ สาเหตุแรก มาจากน้ำมันลึกลับบางชนิดที่พืชได้สร้างขึ้นและสะสมเอาไว้ในช่วงที่ฝนไม่ตก และเมื่อฝนตกลงมาน้ำฝนก็จะชะล้างน้ำมันเหล่านั้นให้ฟุ้งไปในอากาศ
แต่เอาล่ะ… ทริปนี้ต่อจากทริปเขาใหญ่ที่พึ่งโพสต์ไปตะกี้นี่ https://www.palapilii.com/archives/15239 ใช่… เราแอบยืม Chevrolet Trailblazer Z71 มาออกทริปขึ้นเหนือต่อกันยาวๆ เลย เราเริ่มออกเดินทางกันในช่วงสายๆ ของวันเพื่อที่จะไปถึงกันไม่ดึกมากนัก ระหว่างทางเราเจอสายฝนโปรปรายเล็กน้อย เจ้า Z71 เขามีเซ็นเซอร์ตรวจวัดปริมาณน้ำฝนและควบคุมการทำงานของที่ปัดน้ำฝนอัตโนมัติ (Auto Rain Sensor) ด้วยนะ
พวกเราตั้งใจจะไปนอนกันในตัวเมือง แต่ยังไม่ได้จองที่พักเอาไว้ ก็นั่งหากันในรถนี่แหละ และก็ไปสะดุดตากับ “ฟาร์มวิว โฮมสเตย์” ซึ่งมีบรรยากาศทุ่งนาเขียวขจีสดชื่น แต่เนื่องจากเรามาถึงที่พักกันในช่วงเวลาค่ำแล้วเลยขอนอนพักเอาแรงก่อนไว้ลุยต่อในวันพรุ่งนี้ สำหรับการจองที่พัก คือจองที่พักที่ไหนก็ได้บนโลกไปนี้ แล้วรับส่วนลด 1,000 บาทจากลิ้งค์ https://goo.gl/UcmytA ไปเลย!!! เงื่อนไขง่ายๆ คือต้องจองในราคา 2,000 บาทขึ้นไป และต้องผูกบัญชีบัตรเครดิทกับ Booking.com แค่นั้น ที่สำคัญ ใช้ได้แค่ครับแรกและคนละครั้งเท่านั้นเด้อค่ะเด้อออ!!! เป็นลูกเพจเราก็ดีแบบนี้แหละ
D A Y 2: ร่ อ ง ร อ ย บ น ถ น น ล อ ย ฟ้ า
อ่านร่องรอยนะ ไม่ใช่ล่องลอย… แสงแดดแยงตาผ่านช่องหน้าต่างทำให้เราไม่สามารถที่จะนอนต่อได้ กะเด้งตัวออกไปชมวิวกันสักหน่อยดีกว่า แต่แล้วทุ่งนาเขียวขจีในฝันก็ดับสนิท เป็นเพราะว่าพวกเรามาเร็วเกินไป ช่วงนี้เป็นการเตรียมหน้าดินเลยทำให้วิวที่ได้ดูแห้งแล้งไปหน่อย แต่ก็ถือว่าเป็นที่พักที่ชิวมาก //มาถึงเมื่อคืนไง มองไม่เห็น ๕๕๕๕๕
เมื่ออาบน้ำแปลงฟันกันเรียบร้อย เป้าหมายของเราคืนนี้ คือ “สะปันซีวิว” โดยการขับรถไปบนเส้นทางถนนลอยฟ้า สันติสุข-บ่อเกลือ แต่ระหว่างทางเพื่อไม่ให้เสียเปล่าเราจะแวะชิลมันตลอดทางนี่หละ ซึ่งจุดที่เราแวะ ก็จะมี HORN CAFE, ร้านลุงสม, อุโมงต้นไม้, กิ่วม่วง และบ่อเกลือสินเธาว์
เอาล่ะ หลายที่ผ่านมา เพื่อนๆ อาจจะแวะหรือไม่แวะก็ได้ หรือเพื่อนๆ อาจจะมีลิสต์ในใจเป็นสถานที่อื่น อันนี้ขึ้นอยู่กับ Concept ของทริปนั้นๆ เลย แต่จะมีอยู่จุดหนึ่งที่หากเราไป จังหวัดน่านแล้วไม่ได้ไปศึกษาและสัมผัสวิถีชึวิตบรเวณนี้ ผมขอใช้คำพูดว่า คุณยังมาไม่ถึงเลยแล้วกัน ที่นี่คือ บ่อเกลือสินเธาว์ นั่นเอง
ที่นี่คือแหล่งเรียนรู้เรื่องราวของบ่อเกลือโบราณที่เคยใช้เป็นทรัพยากรสำคัญหล่อเลี้ยงเศรษฐกิจของเมืองน่านในอดีต ซึ่งเกลือคือสิ่งที่มีค่ายิ่งและเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อไม่น้อยที่อำเภอเล็ก ๆ อย่างบ่อเกลือที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลาง ทิวเขาสูงเทียมเมฆแห่งนี้ คือ แหล่งเกลือสินเธาว์ที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัดน่าน
ในอดีตเมืองน่านใช้ทรัพยากรใต้ผิวดินนี้เป็นสินค้าส่งออกและแลกเปลี่ยนกับกลุ่มชนต่างๆ มากมาย อาทิเช่น กองคาราวานจีนฮ่อจากยูนนาน กวางสี และมณฑลอื่น ๆ ในจีน กลุ่มคนเหล่านี้ได้เดินทางผ่านสิบสองปันนา รัฐฉานสู่เชียงราย เชียงใหม่ น่าน เมืองสา (อำเภอเวียงสาในปัจจุบัน) แพร่ รวมทั้งพ่อค้าไทเขินจากเชียงตุง พ่อค้าวัวชาวไทยลื้อ นอกจากนี้ความสำคัญของเกลือยังมีอิทธิพลในยุคนั้นได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ เพราะแม้แต่พระเจ้าติโลกราชก็ยังเคยคิดครอบครองบ่อเกลือของเมืองน่านอันเป็นปัจจัยสำคัญในสมัยนั้นเอาไว้ด้วย
บ่อเกลือที่มีความสำคัญของที่นี่มี 2 แห่งด้วยกันคือ บริเวณต้นน้ำว้า ซึ่งมีบ่อเกลือใหญ่ 2 บ่อ อีกแห่งคือบริเวณต้นน้ำน่าน มีบ่อใหญ่ 5 บ่อ และมีบ่อเล็กบ่อน้อยอีกจำนวนมาก ในโลกปัจจุบันแม้เกลือไม่ใช่บรรณาการสำคัญเช่นในอดีตอีกต่อไปแล้ว แต่ชาวบ้านก็ยังคงรักษาขนบของการต้มเกลือด้วยวิธีดั้งเดิม โดยตักน้ำเกลือจากบ่อส่งผ่านมาตามลำไม้ไผ่สู่บ่อพักก่อนนำน้ำเกลือมาต้มในกระทะใบบัวขนาดใหญ่เคี่ยวจนน้ำแห้งขอดก่อนนำไปใช้บริโภคเองหรือไม่ก็บรรจุใส่ถุงวางขายกันหน้าบ้าน ซึ่งเกลือจากบ่อเกลือแห่งนี้กลายเป็นสินค้าที่ระลึกสำหรับนักท่องเที่ยวไปโดยปริยาย
ข้อมูลเบื้องต้นนำมาจาก ททท.นะครับ เพื่อนๆ สมารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 054-718-935 หรือ 054-778-057 เปิดบริการตั้งแต่ 08.00 – 15.00 น. ของทุกวันครับ หลังจากที่แวะพักกันมาหลายที่ ก็ถึงที่พักคืนที่สองของเราแล้ว พอลงจากรถก็ต้องร้องว๊าวววว ทั้งบรรยากาศ อากาศ มันดีไปหมดเลยเหว่ยยยยยย มา เดี๋ยวเข้าไปดูที่พักกันข้างในว่าพอได้ไหม
คือต้องบอกเลยว่าที่พักคืนนี้ของเราอยู่ตีนเขาเลยล่ะ บรรยากาศดีมากๆ บ้านมีไม่กี่หลัง Private สุดๆ และได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติมากๆ ด้วย
หลังจากดูที่พักกันเรียบร้อย อาหารค่ำมื้อนี้ของเรา คืออาหารพื้นบ้านที่คุณลุงคุณป้าเป็นผู้ลงมือทำ สบายท้องไปอีกมื้อนึง วัตถุดิบก็เป็นของที่หาได้ง่ายๆ ตามบริเวณแถวนั้น บวกกับพืชผักบางส่วนที่ปลูกไว้ริมบ้าน และซื้อมาจากตลาดสดตอนเช้า
การท่องเที่ยว และดำรงชีวิตอยู่ในอารมณ์แบบนี้ในช่วงโมเม้นท์หนึ่งที่ย้ายตัวเองออกมาจาก กทม. แค่ไม่กี่ชั่วโมง ก็ถือว่าทริปนี้สำเร็จไประดับหนึ่งแล้วล่ะ
วันนี้เป็นคืนเดือนมืดทำให้เราเห็นดวงดาวระยิบระยับไปทั่วท้องฟ้า นั่งๆ นอนๆ มองดาว ซึมซับบรรยากาศกันอย่างเต็มที่ ใครมีกล้องก็ยกตั้ง Manual Mode เปิดชัตเตอร์นานๆ แล้วถ่ายดาวกันเลย แต่ฟ้าเป็นใจให้เราอยู่ได้ไม่นานนัก สักพักก็เริ่มมีเม็ดฝนปรอยๆลงมาเหมือนเป็นสัญญานบอกให้เราไปนอนกันได้แล้วว Zzzz
D A Y 3: ฉั น ค ง คิ ด ถึ ง เธ อ
สวัสดีวันที่สาม การที่ที่เมื่อคืนฝนตก ไม่ได้แย่เสมอไป เพราะ FACT ข้อหนึ่งที่เราควรเรียนรู้จากธรรมชาติคือ “เมื่อวันใดที่เกิดฝนตก วันรุ่งขึ้นจะมีหมอกให้เราได้สัมผัสอยู่เสมอ” และก็เป็นอย่างที่คาดไว้ไม่มีผิด หมอกไม่ผิดนัดเราเลย
อากาศแบบนี้ อะไรอุ่นๆ ป้อนลงท้อง ก็ดีไปหมด ง่ายๆ แต่ดี มีความสุข ข้าวต้มร้อนๆ สักชาม ก็เพียงพอแล้ว แต่ก็ต้องเช็คเอ้าท์ออก ถึงแม้ว่าอยากอยู่ต่อ แต่พรุ่งนี้ก็ต้องรีบกลับไปทำงาน
รอบๆ ที่พัก มีจุดถ่ายรูปเต็มไปหมดเลย พูดง่ายๆ คือตั้งแต่อยู่ในที่พัก ระเบียง รอบบ้าน ริมน้ำ คือสามารถสร้างเป็นจุดถ่ายรูปสวยๆ ได้โดยไม่ต้องขับรถไปที่ไหนไกล
ระหว่างทางกลับเราหาข้อมูลเจอว่ามีฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำ น่าเข้าอยู่ที่หนึ่ง ก็ไม่พลาดที่จะจอดรถแล้วเข้าไปชิมสักหน่อย ซึ่งที่นี่เป็นอีกหนึ่งที่พักที่เหมาะ ไปสูดโอโซน มองวิวทุ่งนากว้างไกลได้แบบเต็มอิ่มจากหน้าที่พักในบรรยากาศแบบส่วนตัว
ที่นี่ คือ ฟาร์มเห็ดที่ผลิตเชื้อเห็ดที่ใหญ่ทันสมัยและครบวงจรที่สุดแห่งหนึ่งของอำเภอปัวและของจังหวัดน่าน เลยมีการนำเห็ดมาเป็นส่วนประกอบของเมนูต่างๆ ใครที่มาถึงปัวถึงแม้ไม่ได้มาพักค้างคืนก็ไม่ควรพลาดมาลิ้มลองสารพัดเมนูเห็ดและพิซซ่าแสนอร่อยเมนูขึ่นชื่อของที่นี่
แป็บเดียวก็หมดไปอีกหนึ่งวันแล้ว อ่านมาถึงตรงนี้แล้วก็รีบหันไปสะกิดคนข้างๆ ชวนกันไปสัมผัสไอฝนก่อนจะหมดฤดู ใกล้ที่ไหนไปที่นั่นทุกที่สวยงามเสมอ ยิ่งมีเพื่อนร่วมทางและพาหนะที่ดีมันยิ่งโคตรมีความสุขเลย
สุดท้ายต้องขอบคุณเจ้า Chevrolet Colorado Midnight Edition สุดหล่อที่พาเราไปสัมผัสฤดูฝนครั้งนี้ด้วยความปลอดภัยและสะดวกสบายสุดๆ แล้วเจอกันระหว่างทางครับ