เ มื อ ง โ บ ร า ณ ใ ก ล้ ก รุ ง | และพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ

เมืองโบราณ และพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ

สวัสดีครับเพื่อนๆ  ที่น่ารักทุกคนครับ วันนี้เรามีโอกาสได้ไปท่องเที่ยวจังหวัดสมุทรปราการ  สถานที่ใกล้กรุงที่ใครๆ อาจมองผ่านเลยไป  เราขอเล่าถึงสถานที่แรกกันเลยดีกว่า   “พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ”  มหัศจรรย์แห่งเอเชีย สรวงสวรรค์แห่งองค์อินทร์  เพื่อนๆคงเคยได้ยินชื่อคุ้นหูมาบ้างใช่ไหม  งั้นเรามาทำความรู้จักสถานที่นี้กันเลยดีกว่า ไปกันเลย ๕๕๕

“พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ”  เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม  ที่เป็นสถาปัตยกรรมขนาดใหญ่โดดเด่นสะดุดตา  มีความงดงามของงานวิจิตรศิลป์และประณีตศิลป์  ที่นี่มีสิ่งศักดิ์สิทธ์ที่ควรแก่การสักการบูชา และยังเป็นแหล่งเรียนรู้ศิลปะและศาสนา ที่เหมาะกับสังคมในยุคปัจจุบันได้เป็นอย่างดี วันที่เรามาเป็นช่วงเทศกาลงานสงกรานต์  ที่นี่ได้จัดงาน  “ บูชาสัตตมงคลสถาน ถวายน้ำสงกรานต์เกศแก้วจุฬามณี  รวมใจภักดีพระภูมี 2 แผ่นดิน ”  โดยมีการจัดขึ้นระหว่างวันที่  13-16  เมษายน 2560  ทางพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ  อยากให้ทุกคนได้มีโอกาสมาไหว้ไหว้เทพสำคัญ  3 องค์  เพื่อเป็นการขอพรมหามงคลที่สุดในชีวิตโดยได้มีการเก็บค่าเข้าสำหรับคนไทยในราคาพิเศษ  ผู้ใหญ่  100  บาท  เด็ก  50 บาท พอไปถึงเราเลือกที่จะเดินไปไหว้พระพรหมก่อนและเดินลอดท้องช้าง ซึ่งระหว่างการเดินนั้นจะมีเสียงช้างร้องส่งเราตลอดเวลามาถึงแล้ว  พระตรีมูรติปางประทานมหาสมบัติ (ประทับนั่ง)  ประทานความร่ำรวย มั่นคง โชคลาภ สำเร็จสมหวังทุกประการ  ปกติที่เราเคยได้ยินกันมาพระตรีมูรติจะประทานพรเกี่ยวกับเรื่องความรัก  แต่ที่นี่จะแตกต่างออกไปถ้าไม่บอกไม่รู้นะเนี่ย ฮาๆ

เดินกันต่อครับ เพื่อไปสักการะ  เจ้าแม่กวนอิมปางบุรุษเพศ  ประทานสติปัญญาบารมี   เพื่อนๆ อ่านถูกแล้วครับ ปางบุรุษเพศจริงๆ เจ้าหน้าที่บอกกับเราว่านี่เป็นความเชื่อของชาวอินเดีย

ต่อมาก็คือ   เจ้าแม่กวนอิมปางประทานพร  ประทานให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงปราศจากโรคภัย

มาช่วงเทศกาลที่นี่มีจัดให้รดน้ำองค์ช้างเอราวัณด้วยนะ  มาที่เดียวเหมือนขอพรได้ครบจบในที่เดียวรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจหน้าบานกันเลยทีเดียว  อิ่มบุญนะไม่ได้อ้วน ^^ เอาล่ะ ตัดมาที่พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณทั้งที เราจะไม่เข้าไปชื่นชมศิลปะอันงดงามได้ยังไงกัน  แค่ก้าวเท้าเข้ามาก็ต้องร้องว้าวแล้ว  รู้สึกร่มเย็นและตะลึงกับความอลังกาลของศิลปะต่างๆที่ใส่ใจในการสร้างไม่เว้นแม้แต่บันไดทางขึ้น

ที่นี่มีทั้งบันไดและลิฟท์ เรียกได้ว่าเหมาะกับทุกเพศทุกวัน คนน้อยก็มาได้ ผู้สูงอายุก็มาดี เราเลือกที่จะเดินขึ้นบันไดซึ่งอยู่ทางขาหลังด้านขวาของช้าง  ระหว่างทางเดินขึ้นไปก็ได้เห็นศิลปะบนฝาผนัง  ซึ่งเจ้าหน้าที่บอกกับเราว่า เปรียบเสมือนนางฟ้าเทวดากำลังนำทางเราขึ้นไป อื้อหืออออ…

มาถึงแล้วชั้นบนสุด เป็นสถานที่เก็บโบราณวัตถุที่หาดูได้ยาก  เขาว่ามีอายุว่ากว่า 20 ศตวรรษเลยนะ แต่เขาห้ามถ่ายรูปอยากเห็นคงต้องมาเอง ฮาๆ

ภายในพิพิธภัณฑ์ยังมีกิจกรรมมากมาย  เช่น  การสรงน้ำพระประจำวันเกิดรอบฐานพระเจดีย์เกศแก้วจุฬามณี สักการะองค์อินทร์  องค์ช้างเอราวัณ  พระพรหม พระพิฆเนศ พระตรีมูรติ  สรงน้ำองค์ช้างเอราวัณจำลอง  และเสริมสิริมงคลด้วยการลอดท้องช้างเทพมงคล 3 ตระกูล 26 เชือก 29 องค์ อีกด้วย

การเดินทางมาพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ

รถยนต์ส่วนตัว :  ใช้เส้นทางด่วน ปลายทางที่สำโรง-สมุทรปราการ

รถโดยสารสาธารณะ :  

รถไฟฟ้า BTS  ลงที่สถานีสำโรง  ต่อรถเมล์สาย  25  142  365   หรือ  ปอ. สาย 102  507  511  536

เราไปต่อกันที่  เมืองโบราณ  ดีกว่า  ออกจากพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ  ตรงไปทางปากน้ำ  เราก็จะพบกับอาณาจักรกว่าหลายร้อยไร่ที่รวบรวมสถานที่สำคัญในประเทศไว้มากมาย แต่ความตั้งใจของกิจกรรมที่เรามาวันนี้คือ  การ  “สรงน้ำ 3 กรุง 7 อาณาจักร  ถวายความจงรัก  10  รัชกาล”  ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 13-16 เมษายน 2560  เวลา 09.00-19.00 น.

พอเข้ามาในเมืองโบราณ  สิ่งที่ทำให้เราสะดุดตามากที่สุดเห็นจะเป็น  องค์หลวงพ่อโต พระศรีสรรเพชญดาญาณแห่งกรุงศรีอยุธยา  สูง 8 วา (32 ศอก) สร้างขึ้นเท่าองค์จริงเป็นครั้งแรก หลังจากเสียกรุงมา 250 ปี  เพื่อให้คนที่มากราบไหว้ได้รับความสุขและความเจริญยั่งยืนสูงสุดของชีวิต  ซึ่งมีเพียงที่นี่แห่งเดียวเท่านั้น

อีกทั้งยังมีพระธาตุประจำปีเกิดทั้ง 12 ปี  รวมอยู่ในที่เดียวกันด้วย  ครบจบในที่เดียวมากันได้ทั้งครอบครัว

ที่นี่มีรถรางไฟฟ้าและรถจักรยานไว้ให้บริการสำหรับนักท่องเที่ยว  เพื่อชมรอบเมืองโบราณแห่งนี้  เราเลือกที่จะนั่งรถไปเรื่อยๆ  พร้อมกับฟังไกด์ที่คอยบรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับสถานที่ต่างๆ  ตลอดทางอีกด้วย  มาที่นี่วันเดียวเหมือนได้เที่ยวทั่วประเทศไทย  ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคอีสาน ภาคตะวันออก มารวมอยู่ในที่เดียวกันนี้เฮ้ยเราไปอยู่ไหนมาสถานที่คูลขนาดนี้พลาดได้ไงวะเนี่ย  อยู่ใกล้กรุงแค่นี้เอง

อย่างที่บอกไปเรามาช่วงวันสงกรานต์ ระหว่างทางจะมีคนดักซุ่มยิงเราตลอดเวลา (ยิงน้ำนะ ฮาๆ) พอได้เปียกแบบเบาๆ ยิ้มแย้มสนุกสนานกันไปถึงแม้อากาศเมืองไทยจะร้อนแค่ไหนก็ตาม  พร้อมนี้ยังมีการจัดกิจกรรมอีกมากมาย  เช่นอุโมงค์น้ำยาว 100 เมตร และการละเล่นพื้นบ้านสนุกสนานต่างๆ  เช่น  มวยทะเล  ปีนเสาน้ำมัน  ปาลูกโป่ง  บ้านลมสระน้ำ น่าสนุกใช่ไหมละ  แต่งตัวชิคๆ ไปเดินเล่นกันดีกว่าพวกเรา อร๊ายยยย  > <

ตลอดเส้นทางภายในเมืองโบราณมีสภาพแวดล้อมให้ใกล้เคียงกับสภาพของบ้านเมืองในอดีต มีสถานที่ให้เราได้ตื่นตาตลอดเวลา  ตลาดน้ำ ตลาดบก  และร้านค้าประจำท้องถิ่นของแต่ละภาค  ศาลาริมน้ำ และอื่นๆอีกมากมาย โอ๊ยย บรรยายไม่หมด  ต้องไปดูด้วยตาของตัวเอง ฮาๆ

อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญต่อการพัฒนาแหล่งเรียนรู้แห่งนี้ คือ “ความมีคุณค่า” และคุณค่าของเมืองโบราณมิได้อยู่ที่การเป็นเพียงแหล่งท่องเที่ยว ที่นักท่องเที่ยวเดินทางมาเพื่อพักผ่อน หาความสุขแล้วก็กลับไป แต่คุณค่าในสถานที่แห่งนี้จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อผู้มาเยือนสามารถเข้าใจในสิ่งที่ผู้สร้างต้องการถ่ายทอด มองเห็นถึงความสำคัญ และช่วยกันสนับสนุนให้สถานที่แห่งนี้เป็นแหล่งเรียนรู้อย่างยั่งยืนสืบต่อไป

แผนผังเมืองโบราณ

เป็นอย่างไรกันบ้างล่ะครับ การการเดินทางทริปนี้ เราเชื่อว่าที่นี่เป็นทั้งที่ท่องเที่ยวและสร้างเสริมบารมี บุญกุศลให้กับตนเองและครอบครัวไปในทริปเดียวกันเลย อยากให้มากันครับ นอกจากจะได้มาเห็นความงดงามของสถาปัตยกรรมผลงานศิลปะของไทยที่สลักสดสวยงดงามแล้ว ยังได้ช่วยสืบทอดความเป็นไทยให้ยังคงอยู่ถึงรุ่นลูกรุ่นหลานอีกด้วย ถ้ามีโอกาส ไว้เจอกันระหว่างทางครับ : )

Leave a Reply

*