เอางี้ละกัน จริง ๆ ที่ที่คนไปเยอะอยู่แล้ว เราจะตัดออกไปจากแผนการท่องเที่ยวของเราเลย แต่ทว่า…. จู่ ๆ ก็อยากเที่ยวคนเดียวว่ะรอบนี้ และเชียงใหม่ เราเองก็ไม่รู้จะไปที่ไหน เพราะที่ที่อยากไปก็ไปมาหมดแล้ว พยายามเล็งหา แต่ถ้าง่ายก็ต้องที่นี่แหละ ห้วยกุ๊บกั๊บ
แผนการเราไม่มีเลย เรารู้แค่ว่าเราจะไปบินพารามอเตอร์ที่ภูสันฟ้า หาอะไรอร่อย ๆ กินแถวแม่แตงช่วงสาย ๆ แล้วเดี๋ยวนั่งรถขึ้นไปตัวหมู่บ้านเลย แผนมีแค่นี้เท่านั้น และก็จะไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว
เอาจริงก่อนไปภูสันฟ้า เราไปเยี่ยมเพื่อนเราที่บ้าน อาชิ ตรงเชียงดาวมาด้วย ไม่รู้ว่าทุกคนรู้จักป่าว แต่อยากฝากเกาส์เฮ้าส์เล็ก ๆ ของเพื่อนหลังนี้ไว้ในบทความนี้ด้วยแล้วกัน มันดีแก ไปช่วยมันหน่อย มันเป็นพนักงานประจำที่มีความฝันอยากจะมีเกสเฮ้าส์เล็ก ๆ ไว้รังรองแขกที่น่ารัก ๆ อย่างพวกเรานี่แหละ ยังไงลองไปกันดู
ตัดมาที่ภูสันฟ้า จากประสบการณ์ตรง ต้องบอกว่า บินพารามอตเตอร์มาทุกสนามของเชียงใหม่ บอกเลยว่าที่นี่แม่งสวยที่สุด ปกติ 4500 บาท ถ้าซื้อผ่าน Go Travel จะเหลือราคา 4200 บาท ทันที ติดต่อไปนะ
จากตรงนี้เอง ผมคงบรรยายอะไรไม่ได้มากเท่ากับภาพสวย ๆ ตอนที่ไปมาแล้วล่ะ ยังไงลองเลื่อนผ่านดู แต่ข้อมูลคร่าว ๆ ที่ต้องรู้คือ ที่นี่จะบินเข้าเขื่อนแม่งัด ซึ่งสวยมากคุณ ถ้าบินช่วง 07:00 น. บอกเลยว่าทะเลหมอกยังไงก็หนีไม่พ้น อีกทั้งยังมีกล้องให้เราถ่ายกันฟรี ๆ เรียกได้ว่าบินจบ รับภาพถ่ายพร้อมวีดีโอไปเลย และสนามนี้บินนานสุดแล้วล่ะ 20 นาที ไม่ขาดไม่เกิน
หวังว่าเพื่อน ๆ คงจะสนุกกับการบินพารามอเตอร์ไปพร้อม ๆ กับผมนะครับ และทริปนี้เองจะขาดสายการบินดี ๆ อย่าง Thai Vietjet ไม่ได้เลยคุณเอ้ย เป็นสายการบินราคาดี บริการดี สำหรับผมเสมอมา และต้องบอกว่า ชานมไข่มุกบนฟ้า อร่อยเหาะจริง ๆ
สำหรับใครที่สนใจจองตั๋ว สามารถจองผ่าน https://th.vietjetair.com ได้เลย หรือจะหาจาก App ต่าง ๆ ก็ได้ ผมเชื่อว่า Search ยังไงก็เจอ เพราะ Flight บินของ Thai Vietjet เยอะจริง หรือถ้าเอาสะดวกก็ download App ได้ตาม QR code ด้านล่างนี้เลย
ผมขับรถมอเตอร์ไซต์จากภูสันฟ้าไม่ได้ใช้เวลานานมากนัก ก็ถึงจุดนัดพบแล้วล่ะ ต้องบอกงี้ว่า ทีพักที่ผมจะไปเนี่ย เป็นพี่พักที่ไม่ได้อยู่ฝั่งทะเลหมอกนะ เพราะฝั่งทะเลหมอก มันเต็มหมดเลย รอบนี้เลยพักอีกฝั่ง แต่บรรยากาศก็ดีเหมือนกัน เดี๋ยวอ่านไปเรื่อย ๆ ผมจะบอกว่าฝั่งไหนที่คุณควรพัก เพราะไม่ใช่ทุกฝั่งที่คุณพักแล้วจะเห็นทะเลหมอกจากระเบียงหน้าบ้านเลย ถ้าจำไม่ผิด ค่าที่พักราว ๆ คนละ 750 บาท (พร้อมอาหารเย็นและอาหารเช้า) ส่วนค่ารถตกคนละ 150 บาท แบบไปกลับนะ ซึ่งราคา ผมจำไม่ค่อยได้ อาจจะผิดไปต้องขอโทษด้วย เพราะการเที่ยวครั้งนี้ บนนี้ บอกเลยว่าไม่ได้จำอะไรเลย เน้น Solo แบบไม่รู้เรื่อง เจออะไรก็เจอ ต้องจ่ายก็ต้องจ่ายงี้
ไม่นานนัก ผู้คนก็เรื่อยทยอยมาที่จุดรวมพลคุณเอ้ย คนเยอะขึ้นเรื่อย ๆ แต่ละคนเค้าก็จะมากันเป็นกลุ่ม ๆ แล้วก็แยกรถกันไป มีฉันแหละตอนนั้น ที่มาคนเดียวเอ๋อ ๆ น้อง ๆ ที่มาคนเดียวใช่ไหม ใช่ครับ ผมตอบกลับพี่คนหนึ่งไป แล้วแกก็ชี้ไปที่รถ 4wheels คันโก้ที่ modify กรงด้านหลังราวกับว่า เดี๋ยวจะเจอศึกหนักแล้วนะ
ก่อนมาเคยเห็นรีวิวผ่าน ๆ ว่าถนนขึ้นหมู่บ้านนี้โหดมาก หน้าฝนนี่ไม่ต้องพูดถึงเลย ลื่นปื้ด หน้าหนาวก็คือฝุ่นเพียบ และก็รถเก๋งบอกก่อนว่าหมดสิทธิ ถ้ารักรถ ก็จอดไว้ด้านล่างนั่นแหละ ซี่งตัวผมเองเช่ามอเตอร์ไซต์มาจากในเมืองคุณ ก็จอดไว้กับที่ฝากจอดรายวันคืนละ 50 บาท ถ้าจำไม่ผิดนะ ว่าแต่ กูจำราคาอะไรบ้างได้ไหมเนี่ย
ช่วงถนนผมขอไม่พูดอะไรเยอะนะ ก็ตามสภาพ แล้วที่สำคัญเรื่องภาพถ่ายบอกเลยว่าไม่ได้เก็บไว้ให้ดูด้วย เพราะแค่เอาตัวเองให้อยู่ตรงที่เดิมเฉย ๆ เนี่ยก็ยากแล้ว จากตีนเขา จนขึ้นมาถึงหมู่บ้าน ก็มีพวกรถมอเตอร์ไซต์วิบากขับขึ้นมาอยู่นะ รวมถึงพวก เวฟร้อย ร้อยยีบห้า อันนี้ก็เอาการอยู่
ประมาณครึ่งชั่วโมงได้ ถ้าจำไม่ผิด เราก็เดินทางมาถึงที่พักเราครับ ผมจำที่พักไม่ได้ด้วยซ้ำ ว่าผมพักบ้านไหน แต่เข้าใจว่า เป็นบ้านของผู้ใหญ่บ้าน และผมไปพักรวมกับแก็งค์เพื่อน ๆ ที่เค้ามากันเป็นกลุ่มห้าคน ก็เอาล่ะ ขอเป็นเพื่อนไปโดยปริยายสักหนึ่งถึงสองวันแล้วกัน
หลังจากที่เก็บของเข้าทีพัก แบ่งห้องกันเรียบร้อย ก็เลยคุยกันว่า เราจะไปไหนกันดี ที่นี่มีอะไรให้เที่ยวบ้าง นอกจากดูทะเลหมอกตอนเช้า เจ้าของบ้านแกก็แนะนำว่า ถ้ายังมีแรงเหลือ ยังมีดอยผาสามเหลี่ยม ที่สามารถเดินไปชมพระอาทิตย์ตกดินได้อยู่นะ หรือจะจ้างรถยนต์ขับไปอีกหน่อยจ่ายคนละ 50 บาท ประหยัดเวลาขึ้นอีกนิดก็ได้
สรุปคือเรานั่งรถ แล้วก็เดินต่อไป โชคดีมาก ๆ ที่เราพกรองเท้าสำหรับเดินป่าติดตัวมาด้วย พี่แกบอกว่าอย่าลืมเตรียมน้ำไป เพราะข้างบนเป็นป่าจริง ๆ ซึ่งผมใช้เวลาเดินราว ๆ 1 ชั่วโมงก็ถึงละ ข้างบนสวยจริง ไม่คิดว่าจะสวยขนาดนี้ เห็นวิวแบบ 360 องศาเลย ซึ่งไม่มั่นใจว่าถ้ามาช่วงเช้า เราจะเห็นทะเลหมอกจุดนี้ไหมนะ
ตกเย็นเรากลับไปที่ที่พัก ที่พักมีเป็นเซ็ทหมูกระทะให้เรา ซึ่งเราก็กินรวมกันกับเพื่อน ๆ นั่นแหละ เอาจริง คือไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเลย แต่ต้องอยู่ด้วยกัน ต้องรีบทำความรู้จักกันไว้
ขณะที่พิมพ์อยู่นี่คือจำชื่อใครไม่ได้เลยนะ บรรยากาศวันนั้น เย็นกำลังดีเลย อากาศดีสุด ๆ
และนี่คือห้องนอนผม มีมุ้ง มีแผนรองนอน (นวม) หมอน ผ้าห่ม ง่าย ๆ แค่นี้เลย แล้วเดี๋ยวเรามารอชมวิวพรุ่งนี้เช้ากัน ว่าที่นี่ตอนเช้าจะสวยงามขนาดไหน
DAY 2
เมื่อคืนเหมือนว่าตอนที่เรานั่งคุยกันมีถ่ายดาวติดมาด้วยหน่อย ๆ นี่ขนาดถ่ายจากหน้าบ้านนะเนี่ย ยังติดดาวเลย ถ้าไปตรงมืด ๆ กลางป่า น่าจะสวยกว่านี้ กับข้าวตอนเช้าไว้เดี๋ยวกลับมากินนะ เนื่องด้วยว่าเราพักในด้านที่ไม่ใช่ด้านทะเลหมอก เลยต้องไปหาทะเลหมอกบ้านอื่นเอา มา ไปกัน…
ทริค การที่นี่ ต้องพักโซนตะวันตกเฉียงใต้ ถึงจะมีทะเลหมอกนะ คุณ ถ้าพักอีกฝั่ง บอกเลยว่าหมดสิทธิ แต่ก็ดีที่บางที่พัก เค้ามีระเบียงที่ให้คนนอก สามารถเข้ามาสั่งซื้ออาหารและชมทะเลหมอกได้ ซึ่งที่ที่เราไป ผมก็ไม่รู้ว่าคือที่ไหน แต่ว่ามันเป็นที่ที่ผมคิดว่าถ่ายจะปล่อยโดรน น่าจะเป็นจุดที่สวยที่สุดแล้ว
ช่วงที่อยู่ตรงระเบียง เราเห็นภาพแต่ละใบสวยมาก ที่ถ่ายคนอื่นนะ อยากได้ภาพเองจนอดใจไม่ไหว สุดท้ายก็เลยต้องขอให้คนอื่นถ่ายให้เสียเลย และนี่คือภาพที่ได้
มีโอกาสได้คุยกับเจ้าของคุณลุงเกสเฮ้าส์ แกบอกว่า ของแก แกเป็นคนในชุมชนนี้จริง ๆ สร้างเองกับมือจริง ๆ ซึ่งมีบางที่ที่เป็นนายทุนเข้ามาสร้าง ไม่ใช่เจ้าของพื้นที่ ฉะนั้นแล้ว อย่าคิดว่าห้องพักบนดอยทุกหลังจะเป็นของคนพื้นที่นะ กว่า 80% เป็นของนายทุนว่ะเพื่อน
แต่เอาเป็นว่า ไม่ว่าจะเป็นของนายทุนไหม แต่หากกระจายรายได้ส่งถึงกันอย่างมีขอบเขต ผมคิดว่าก็เป็นการช่วยเหลือเกื้อกูลกันนั่นแหละ ตัดเครื่องเครียดปดูบรรยากาศทะเลหมอก และหมู่บ้านช่วงเช้าจากโดรนของผมดีกว่า สวยไหม ไปดู
และนี่คือบรรยากาศที่ผมเห็นวันนั้น บอกเลยว่าสวยติดตามาก บรรยากาศดี แต่ขออยู่แค่คืนเดียวพอนะ ข้างบนไม่มีอะไรทำจริง ๆ สำหรับใครที่วางแผนจะไปที่นี่ ไม่ต้องเตรียมอะไรมาก เตีรยมใจไปอย่างเดียวก็พอแล้วแหละ บาย แล้วเจอกันระหว่างทางครับ
ไม