ฤดูกาลเปลี่ยนไป แต่ใจคนยังไม่เปลี่ยนแปลง บ้าไปแล้ว ข้างบนไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องที่จะเล่าเลย ฮ่า ๆๆๆ เวลามีวันว่าง ๆ อยู่ใน กทม. บางทีก็ไม่รู้จะเอาตัวเองไปที่ไหนเหมือนกัน หลัง ๆ เลยนอนซมดมตดตัวเองใต้ผ้าห่ม ถ้าฟีลลิ่งแอดดิคหน่อยก็คงจะกางจอ Laptop มาดู Netflix ตั้งแต่เช้าจรดเย็นเลย แต่ ๆๆๆ
ก็ต้องพาตัวเองไป Refresh บ้าง ซึงการ Refresh ในที่นี้ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องแบกเป้ไปลุยป่า ปีนเขา ค้างแรม กางเต้นท์เสมอไป แต่หากเป็นการเอาใจเราไปบำบัด ทำบุญสะเดาะเคราะห์บ้าง เชื่อว่ามันก็ดีไม่แพ้กัน ทริปนี้จะพาไปเป็น Bangkoker เต็มวัน เป็นวันสบาย ๆ ต้อนรับหน้าหนาว พร้อมกับการโบถอกและชะลอกรรมที่ทำมา เพราะเชื่อว่าทุกคนเคยเลวมาก่อน ๕๕๕๕๕๕
เริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วยสิ่งที่ขาดไม่ได้อย่างอาหารเช้า นาน ๆ ทีจะออกจากบ้าน จะให้ไปสั่งข้าวมันไก่ หรือเป็ดพะโล้หน้าปากซอยของป้าหญิงก็เห็นจะธรรมดาไป ทริปนี้ถอยรถออกจากซองแล้วขับไปหาร้านเก๋ ๆ นั่งชิลแบบมีคลาสเหมือนบิน business ของ Qatar หน่อยแล้วกัน เล็ง ๆ ไว้หลายที่ สรุปตรงไปที่เยาวราชที่คุ้นเคยเฉย และนี่ก็ไม่ได้รับเงินสปอนเซอร์จากสายการบินอะไรนะ เอ่ยถึงเฉย ๆ
ที่เยาวราชไม่ว่าจะเช้า สาย บ่าย แก่ ตกเย็น หรือแม้กระทั่งมืดค่ำดึกดื่นก็จะมีอาหารการกินเปิดหน้าร้านไว้แทบจะ 24 ชั่วโมง เปิดรีวิวไปเจอร้านหนึ่ง เป็นร้านอาหารจีนแนวประยุกต์ที่ขุดเอาสูตรของบรรพบุรุษมาทำขายอย่าง “หล่งโถว คาเฟ่” หาที่จอดแล้วรีบดิ่งไปที่ร้านอย่างไม่รอช… สัส!!! คิวยาวมาก!!! นี่มันอะไรวะเนี่ย
บอกไว้ก่อนเลยว่า “ หล่งโถว “ ถึงแม้ว่าจะเป็นร้านเล็ก ๆ ที่ดูไม่ใหญ่โตอะไร แต่ด้วยพลังของ ig และ facebook นี่บอกได้คำเดียวเลยว่า ทำให้ร้านนี้เกิดแบบข้ามคืน เพราะนี่ก็ตามมาจากรีววที่แชร์กันหน้า feed นี่แหละ จุดเด่นของร้านมันอยู่ทีเจ้าของเค้าไปเอาเศษไม้จากโรงเตี้ยมที่รื้อทิ้งแล้ว มาทำเป็นโต๊ะสองชั้นวางซ้อนกันให้ลูกค้านั่ง และภายในก็ประดับให้มันดูโมเดิร์นหน่อย แค่นั้นเลย คนแห่ไปถ่ายรูปกันเพียบ
นี่ไปถึงก็ไปกดจองคิว รอราว ๆ เกือบครึ่งชั่วโมงถึงได้เข้าไป อะไรที่ว่าเด็ดสั่งมาให้หมด แบบนั้นก็คงไม่ใช่ กำลังไดเอ็ดอยู่ ก็เอาเป็นว่าสั่งมาแต่ตัว Highlight ของร้านแล้วกัน มีข้าวต้มทรงเครื่องที่มีเครื่องเคียงแปดอย่าง ชาเย็น ซาลาเปายัดไส้ ข้าวต้ม และก็ชาหมื่นลี้
รสชาติอาหารบอกเลยว่าไม่ปลื้มเท่าไหร่ ออกจะทั่วไปซะด้วยซ้ำ แต่ด้วยกิมมิกและภาพที่สวยงามรวมกับการปักหมุดที่เราต้องสะสมแล้ว ก็มาหน่อยเถอะ เดี๋ยวคุยกับเขาไม่รู้เรื่อง
แต่มีอย่างหนึ่งที่ชอบ บอกเลยว่า เป็นการคิดแล้วคิดอีกจากทางร้านที่นำวัตถุดิบแต่ละอย่างมาผสมกันให้ลงตัว อันนี้ต้องชม ซาลาไปไส้ไข่เค็มเค้าก็อร่อยทีเดียว ที่ติดใจที่สุดคือชาเย็นเลย หวาน หอม ละมุนมาก ดูดไปปื้ดสองปื้ด ไอ่สัส หมดไวจังวะ
ใครมีโอกาสก็ลองมาที่ร้านเค้าดูแล้วกัน แต่ขอแนะนำอย่าง อย่าเอารถมาเองเลย หาที่จอดยากเหี้ย ๆ ละก็คือ… ถึงแม้ว่าจะเป็นฤดูหนาวบ้านเราแล้ว แต่อากาศจริง ๆ ไม่หนาวเลย คิดว่ากำลังเข้าหน้าร้อน อีห่า… แดดแรง ๆ ที่คอยสาดส่อง บอกตรง ๆ ไม่เคยอบอุ่น เท่ากับไอ่รัก ส่งผ่าน มาถึงใจ…
เปิดประตูรถเข้าไปเท่านั้นแหละ ไอ่ร้อนปลิวมาเป็นเงาเลยอีเหี้ย ไม่ได้และแบบนี้ ต้องทำอะไรหน่อย ปล่อยไว้นาน ๆ เฟอร์นิเจอร์ในรถกรอบหมดแน่ คิดได้อยู่อย่างเดียวคือติดฟิล์ม เพราะถ้าจะไปหาที่จอดไต้ร่มไม้ตลอดไปก็คงไม่ได้ ฟิล์มนี่แหละ ดีที่สุด แล้วเพื่อนก็ขายฟิล์มด้วย จะได้ขอส่วนลด
ตัดภาพมาที่ร้านติดฟิล์ม เพื่อนแนะนำ Lamina ไปเลย ราคาถูกหน่อยก็เป็น Pop Series ที่ราคาไม่แพงเท่าไหร่ แต่คุณภาพสวนทางกันมาก ๆ มีให้เลือกหลายโค้ด หลายสี นี่ไม่เคยติดฟิล์มมา ก็ได้รับคำแนะนำ และบริการจากทางร้านดีมาก ๆ
สเป็คมาแรงขนาดนี้ ไม่ติดได้หรออออ… สรุปคือติดตัวสีดำ Deep Black เลือกตัวลดความร้อน 60% รหัส POP05BKSRPS สามารถติด Easy Pass ทางด่วนได้ บางตัวกันความร้อนเกิน ติด Easy Pass ไปไม่ทำงานนะจ้ะ ซึ่งตัวนี้ก็ปล่อยให้แสงส่องผ่านมาได้ 10% กัน UV 99% และสะท้อนแสงแค่ 8% เท่านั้น
คือต้องบอกก่อนว่า การติดฟิล์มนอกจากจะทำให้รถร้อนน้อยลงแล้ว ยังปลอดภัยด้วยนะ สมัยตอนที่ยังไม่ติดฟิล์มดำ บอกเลยว่ารถกระจกใสมาก ๆ เวลาเอาของมีค่าไว้นี่คือเสี่ยงโดนทุบกระจกแล้ววิ่งราวไปเลย ไหนจะแก้ผ้า เปลี่ยนเสื้อผ้าไปทำงานนู่นี่นั่นอีก
พอตดฟิล์มเท่านั้นล่ะ ถ้าแดดไม่แรงจริง หรือไม่เปิดไฟฉายส่องมาจี้ ไม่มีทางมองเห็นข้างในเลย หรือถ้ามองเห็น ก็คงเห็นได้แค่เงา เรียกได้ว่า ติดฟิล์มรอบนี้ เบาตัวไปเลยล่ะ ทั้งคันหมดไป 7-8 พัน แล้วแต่สาขา แต่ก็ต้องให้เวลากับการติดฟิล์มหน่อยนะ นี่ปาไป 4 ชั่วโมงเลย
ติดฟิล์มเสร็จ เรามาลุยกันที่เมนหลักของทริปนี้กันแล้ว นั่นก็คือการสะเดาะห์เคราะห์ร้ายให้กับชีวิต กิจกรรมนี้คือาการบริจาคโรงศพ ถ้าเอาสะดวกเลยก็คงจะเป็นมูลนิธิร่วมกตัญญูข้างวัดหัวลำโพงแหละ เพื่อน ๆ สามารถเอารถไปจอดที่วัดได้เลย แล้วตอนออกจากรถ อย่าลืมเอาใบจอดรถไปประทับตราที่มูลนิธิฯ ด้วย จะได้ไม่ต้องเสียค่าจอดรถ
ซึ่งกิจกรรมนี้หลายคนแม่งชอบเข้าใจผิดว่าเป็นการทำบุญกับวัดหัวลำโพง แต่เปล่าเลยเมิง มันเป็นของมูลนิธิร่วมกตัญญูฯ ซึ่งการทำบุญโลงศพ เค้าเชื่อว่า จะทำให้ชีวิตเราเบาขึ้น อะไรที่มันติดขัด ก็จะโล่ง เบา สบาย เหมือนเป็นการสะเดาะเคราะห์ไปในตัว การทำบุญโรงศพก็มีอยู่สองแบบด้วยนะ
อย่างแรกคือเอาเงินซื้อเลงเลย คือ 500 บาท คือซื้อโลงคนเดียว แต่ถ้าไม่มีปัจจัย ก็สามารถทำบุญตามกำลังที่มีได้ โดยโลงหนึ่งเนี่ย ก็จะมีโลงสีขาว และผ้าดิบหนึ่งชุดให้กับศพไร้ญาติ หลังจากที่เราจ่ายเงินทำบุญไป เราจะได้ใบอนุโมธนาบัตรมาขอลดหย่อนภาษีได้ด้วย
ทีนี้พอเข้าไป เค้าจะมีใบสีชมพูมาให้ เป็นบัตรอธิฐาน เขียนชื่อเราไป ท่องตาม แล้วเอากาวเปียกที่เค้าเตรียมให้ มาแปะใบสีชมพูกับโลง ขอพรอีกครั้ง เป็นอันจบพิธี ซึ่งช่วงนั้นก็อยากให้ทำใจให้สบาย พิธีนี้ก็จะจบลงอย่างราบรื่น
ในโซนข้าง ๆ กันก็มีศาลจีนอยู่ศาลหนึ่ง หากมีเวลาก็สามารถเข้าไปไหว้ศาลต่อได้ แต่หากตั้งใจมาทำแค่บุญโลงศพบริจาคให้แก่ร่างและวิญญาณไร้ญาติ แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
ที่เล่ามาทั้งหมด ก็จะจบวันพอดี แถวนั้นจริง ๆ แล้วก็อยู่ใจกลางเมืองเลยล่ะ อยากไปไหนต่อก็สบาย สามย่าน สยาม หรือจะขึ้นทางด่วนออกนอกเมือง ก็ออกพระรามสี่ไปได้เลย หวังว่า Day Trip Bangkok ครั้งนี้ จะมีประโยชน์กับเพื่อน ๆ ไม่มากก็น้อย ซึ่งหากใครตั้งใจจะไปทำบุญโลงศพแก่ผู้ไร้ญาติ ทางเราก็ขออนุโมทนาบุญมา ณ ที่นี้ด้วย แล้วเจอกันระหว่างทางครับ
:: FOLLOW US ::
Youtube : goo.gl/Tk9uHo
Fan Page : goo.gl/kDE9eh
Facebook : goo.gl/S42XZq
Instagram : goo.gl/EkTxZT
Twitter : goo.gl/wx2I34
Pinterest : goo.gl/P1FsxN
Google+ : goo.gl/uQrGS9
Website : www.palapilii.com/
#palapilii
#wanderlust
#YOLO