30 Days Thailand Road Trip
กราบบบบบบบบบบ สวัสดีเพื่อนๆ พี่น้องทั้งหลายที่ติดตามเพจนี้มาตั้งแต่อ้อนแต่ออก มันมีอยู่ Project หนึ่ง ที่ไมคิดไว้ว่าไมจะทำหลังเรียนจบ นั่นก็คือการเดินทางท่องเที่ยวไปให้ไกลที่สุดจนกว่าเงินในบัญชีจะหมด…
ซึ่งหลังจากเรียนจบก็เริ่มต้นทริปด้วยการนั่งรถลงใต้ตะลุย สตูล ตรัง จำได้ว่าตอนนั้นเอาเงินในธนาคารออกมาเที่ยวจนหมดเลย อีทั้งลงทุนซื้อของใหม่ทั้งหมดที่เกี่ยวกับการเดินทาง อย่างกล้อง Gopro Hero ตั้งแต่รุ่น 2 ในตอนนั้น เราไปเก็บกันเยอะมากครับ ตอนนั้น ลงใต้ไป 10 กว่าวัน ไม่ว่าจะเป็นทัวร์เกาะรอบนอกรอบในของหลีเป๊ะ ทัวร์ 4 เกาะ จ.ตรัง และสัมผัสกับ Unseen Thailand อย่างถ้ำมรกตเป็นต้น
จากทริปนั้นก็เติมแรงบันดาลใจให้กับหนุ่มวัย 20 ต้นๆ ได้อย่างดีทีเดียว แต่ความฝันนี้ก็ถูกบดบังลงไปด้วยเสียงโทรศัพย์สายหนึ่งที่โทรมาจากบริษัทจำหน่ายสาธารณูปโภคอันดับหนึ่งของประเทศครับ ด้วยความที่น่าเชื่อถือ ผมเลยหยุดพักความฝันแล้วให้โอกาสกับชีวิตการทำงานของตัวเอง การเดินทางหลังเรียนจบของผมจนกว่าเงินจะหมดเลยจบลงตั้งแต่ตอนนั้น
เอาที่จริงแล้วมันจบตั้งแต่กลับจากใต้แล้วล่ะ เพราะเงินในบัญชีเหลือแค่ไม่กี่พันบาท ถ้าจะไปต่อก็เหนื่อยหน่อย แต่ตอนนั้นเป็นวัยเด็ก ก็เลยคิดอะไรสนุกๆ หาเงินระหว่างเที่ยวไว้เยอะแยะ ไม่ว่าจะเป็นเล่นดนตรีตามถนนคนเดิม เป็นหุ่นนิ่งให้คนทาสี อะไรทำนองนั้น แต่หลังที่ได้ทำงานกับบริษัทยักษ์ใหญ่นั้นแล้ว ผมก็ไม่ได้เลิกเที่ยวไปเลยแต่อย่างใจ แต่ผันตัวเองกลายมาเป็นนักทั้งเที่ยว “เย็นวันศุกร์ถึงเช้าวันจันทร์” แทนนั้นเอง
เรื่องราวในตอนนั้นมันก็ตลกดี จนผมทำเพจมาได้สักระยะหนึ่่ง ก็หวนคิดว่า อยากเอาความฝันนี้ส่งต่อให้กับเด็กรุ่นใหม่ไฟแรง รวมถึงอยากสร้างเพจใหม่ไปในตัวด้วย ซึ่งจะรับเด็กที่พึ่งจบใหม่ มีไฟ ถ่ายรูปเป็น ให้เดินทางท่องเที่ยวไปเลย 30 วันโดยไม่ห่วงค่าใช้จ่าย เพราะค่าใช้จ่ายทุกอย่างนั้น ผมเป็นคนออกให้ทุกบาททุกสตางค์ ซึ่งแน่นอนว่า การเดินทางครั้งนี้ มันคือการไปตายเอาดาบหน้า แต่ก็ยังดีที่มีตัวช่วยอย่าง Traveloka ที่ทำให้เราสามารถหาที่พักได้ง่ายขึ้น จริงๆ แอพตัวนี้หรือเว็บไซต์ Traveloka มีความสะดวกอยู่แล้วในเรื่องการจองตั๋วเครื่องบิน และการจองที่พักล่วงหน้า แต่การเดินทางอย่างเราทริปนี้ล่ะ มันต้องเป็นการไปตายเอาอาบหน้า หรือบางทีประชั้นชิดต้องจองก่อนถึง ตัว Traveloka เองก็มีการจองผ่านแผนที่ โดยจะโชว์ที่พักที่อยู่ใกล้เราให้ได้มากที่สุด
ต่อยอดความคิดนั้นกันต่อ ผมเลยประกาศหน้าเพจหาเด็กรุ่นใหม่จนได้น้องคนหนึ่งมาชื่อ “กาย” บวกกับจังหวะดีที่ทาง Chevlolet ติดต่อมาให้ผมเอารถไปลองใช้ ผมเลยเกิดไอเดีย เสนอให้ทาง Chevlolet รู้เรื่อง Project ทีผมกำลังจะทำด้วย นั่นก็คือการเดินทางท่องเที่ยว 30 วันแบบไม่มีวันหยุด
ทางผู้ใหญ่ของ Chevlolet ก็เห็นดีเห็นงาม สนใจและเอาด้วยกับ Project ความฝันครั้งเยาว์วัยของผมในครั้งนี้ โดยมีน้องกายที่เป็นตัวแทนขับเคลื่อนความฝันตลอดระยะเวลากว่า 30 วันใน Project ที่ชื่อ ” ท่ อ ง เ ที่ ย ว เ รื้อ รั ง ” อ่านมาถึงตรงนี้ ผมคิดว่าเพื่อนๆ คงพร้อมเดินทางไปกับรูทท่องเที่ยวของน้องชายผมคนนี้แล้วล่ะ เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า ว่าน้องเค้าจะขับรถพาเราไปที่ไหนกันบ้าง แล้วแต่ละที่ที่นอนเค้าพัก มีที่ไหนน่าตามรอยบ้าง มาดูกัน!!!
DAY 1 กรุงเทพฯ – อยุธยา
เรา start จาก กรุงเทพมหานคร สู่จังหวัดอยุธยาเป็นที่แรก ซึ่งอยุธยาก็คงหนีไม่พ้นการไปเยือนเรื่องราวประวัติศาตร์ต่างๆ และวัดวาอาราม แต่การเดินทางไปวัดครั้งนี้ของเราจะแปลกหน่อย เพราะต้องนั่งกระเช้าข้ามแม่น้ำไป
วัดนิเวศธรรมประวัติ ราชวรมหาวิหาร อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา บนเกาะกลางแม่น้ำเจ้าพระยาทางทิศใต้ของพระราชวังบางปะอิน เป็นวัดที่พระบาทสำเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้สร้างเลียนแบบโบสถ์ของศาสนาคริสต์ ตัวอาคารออกแบบสไตล์โกธิค ตกแต่งด้วยกระจกที่มีสีสันตามแบบคริสต์ . . สิ่งแรกที่คิดว่าวัดนี้แปลกกว่าวัดอื่น คือเราจะต้องนั่งกระเช้าข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ความเท่มันอยู่ตรงนี้แหล่ะ ข้ามฝั่งเสร็จเดินเข้าไปในวัดแล้วมันจะเกิดคำถามขึ้นว่า ไหนวัดวะ? เพราะว่าทั้งโบสถ์เอย กุฏิเอย เป็นการออกแบบสไตล์โกธิคทั้งหมด แต่นั่นก็เป็นแค่เปลือกนอกเท่านั้น เพราะในโบสถ์ประดิษฐานพระประทาน คือ พระพุทธนฤมลธรรโมภาส ผลงานปั้นพระพุทธรูปชิ้นเอกของพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประดิษฐวรการ โอ้โฮ ได้ข้อคิดเลยว่าอย่ามองอะไรจากเปลือกนอกเพียงจริงๆ
Location : https://goo.gl/maps/fkaTswq5zaH2
DAY 2 อยุธยา
สำหรับวันที่สองเราจะพาเพื่อนๆ ไปชมเมื่ออยุธยากันครับ ซึ่งหลักๆ ก็จะเป็นวัดล่ะที่แน่ๆ แต่ถ้าจะเอามาให้ครบทุกวัดก็กลัวจะกินเวลาเดินทางมากเกินไป เราเลยเลือกสถานที่ที่คิดว่าติดอันดับ 5 วัดที่ควรไปเยือน รวมถึงสถานที่อีกที่หนึ่งให้กับเพื่อนๆ ได้ลองเที่ยวอยุธยาแบบนอกกรอบกันบ้าง
จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมืองมรดกโลกที่เลื่องชื่อด้านประวัติศาสตร์ ที่นี่จึงกลายเป็นภาพสะท้อนอดีตผ่านโบราณสถานที่ยังหลงเหลือมาจนปัจจุบัน เดี๋ยวเราจะเริ่มจากวัดแรกก่อนเลยนั่นก็คือวัดมหาธาตุ วัดมหาธาตุสร้างขึ้นในสมัยพระบรมราชาธืราชที่ 1 ปรางค์ประธานเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า ไฮไลท์ของวัดนี้คงหนีไม่พ้นเศียรพระที่ฝังอยู่ในต้นไม้ ซึ่งตอนนี้ บริเวณนี้กำลังซ่อมบำรุงและทำระบบทางเดินชมวัดอย่างเป็นระเบียบ เจ้าหน้าที่วัดขอความร่วมมือเมื่อไปเยี่ยมชมสถานที่ศักดิ์สิทธ์(ปัจจุบันเป็นวัดร้าง)
Location : https://goo.gl/maps/QeimusYmpG92
วัดราชบูรณะ วัดอารามหลวงในสมัยอยุธยา สร้างขึ้นในสมัยเจ้าสามพระยา ไฮไลท์ของที่นี่คือปรางค์ประธาน ที่ด้านในปรางค์มีกรุมหาสมบัติอยู่ ซึ่งปัจจุบันเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเยี่ยมชมได้ และยังมีเรื่องอาถรรพ์ เล่าขานเกี่ยวกับตำนานปู่โสมเฝ้าทรัพย์ ณ บริเวณนี้อีกด้วย (ปัจจุบันเป็นวัดร้าง)
Location : https://goo.gl/maps/Ht5cEyEKE7u
วัดธรรมิกราช สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าธรรมิกราช ไฮไลท์ของวัดนี้อยู่ที่เจดีย์ ที่มีสิงห์ล้อมรอบ 52 ตัว บนฐาเจดีย์แปดเหลี่ยม ซึ่งเป็นเจดีย์สิงห์แห่งเดียวในอยุธยา (ปัจจุบันยังเป็นวัด)
Location : https://goo.gl/maps/VsSK4Dt9N6D2
วัดหน้าพระเมรุราชิกการาม วัดเดียวในกรุงศรีอยุธยาที่ไม่ถูกทำลายและปรากฏสถาปัตยกรรมอยุธยาที่มีสภาพสมบูรณ์ที่สุด เนื่องจากวัดหน้าพระเมรุ เป็นวัดที่พม่า ใช้เป็นกองบัญชาการ ขณะบุกเผาทำลายกรุงอยโยธยา ไฮไลท์ของวัดนี้คือความงดงามแบบอยุธยา ที่สมบูรณ์แบบที่สุด
Location : https://goo.gl/maps/DKdhEmGLRNy
วัดใหญ่ชัยมงคล ที่ตั้งของ เจดีย์ชัยมงคล อนุสรณ์แห่งชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ของพระนเรศวร หลังได้รับชัยชนะในการทำยุตถหัตถี ซึ่ง เจดีย์ชัยมงคลนี้ ยังเป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในอยุธยา ทำให้วัดนี้เป็นวัดที่ผู้คนนิยมเข้ามาสักกระบูชา และเนี่ยมชมความงดงามของเจดีย์แห่งชัยชนะของไทย
Location : https://goo.gl/maps/9z7T1stGstT2
และก่อนที่จะเดินทางไปต่ออีกจังหวัด ขอปิดท้ายด้วยพิพิธภัณฑ์ล้านของเล่นเกริกยุ้นพันธ์ครับ ที่นี่เป็นแหล่งรวมของเล่นนับไม่ถ้วนที่เรื่มเก็บมาตั้งแต่ อายุ 22 ปี ซึ่งปัจจุบันอายุ 57 ปีแล้ว ตัวอาคารแบ่งเป็น 2 ชั้น ชั้นแรก เป็นนิทรรศการงานสะสมเกี่ยวกับของเล่นโบราณ และชั้นที่สอง เป็นของสะสมเกี่ยวกับวิถีไทย ซึ่งมีอายุตั้งแต่ 50 – 150 ปี . . ค่าบริการเยี่ยมชมนิทรรศการงานสะสมเกี่ยวกับของเล่นโบราณ 50 บาท
Location : https://goo.gl/maps/DBYHkBt1XKG2
DAY 3 เพชรบูรณ์
เมื่อวานหลังจากที่เราเดินทางจากอยุธยาเราก็มาปักหลักกันอยู่ที่นี่เลยครับ จุดตั้งแคมป์ของเหล่า Backpacker ที่หากมาเขาค้อ ก็มักจะมากางเต้นท์นอนกันที่นี่ ที่ๆ พูดถึงก็คือ ไปรษณีย์เขาค้อ
ว่ากันว่าใครมาเขาค้อ ก็ต้องลองมากางเต๊นท์ชมวิวทิวเขาที่ไปรษณีย์เขาค้อ ไปรษณีย์แห่งเดียวที่เปิดให้คนมากางเต๊นท์กินลมชมวิว ยิ่งช่วงฤดูฝน หมอกจะลงที่บริเวณนี้หนามาก แต่ในฤดูหนาวแม้จะไม่มีหมอกในบางวัน (เพราะลมแรง) แต่ก็ฟินไปอีกแบบ ใครคิดจะมากางเต๊นท์ที่นี่สามารถเตรียมเต๊นมาเองมีค่าบำรุงสถานที่ แต่ถ้ามาตัวเปล่า ที่นี่ก็มีบริการเช่าเต๊นท์ หมอน แผ่นรองนอน ผ้าห่ม ไว้บริการ มีห้องน้ำ น้ำอุ่น สบาย เหมาะสำหรับคนที่อยากมากางเต๊นท์เปลี่ยนบรรยากาศชิลๆ . . ค่าบริการ – ค่าบำรุงสถานที่ (กรณีเอาเต๊นท์มาเอง) 80 บาท – ค่าเช่าเต๊นท์ (นอนได้ 3 คน) 600 บาท – ค่าเช่าชุดเครื่องนอน (หมอน แผ่นรองนอน ผ้าห่ม) 150 บาท เช่าแยก หมอน 30 บาท ผ้าห่ม 50 ที่รองนอน 100 บาท
Location : https://goo.gl/maps/dSVEzoLbNvw
“เส้นทางม่านหมอกสู่อนุสรณ์ผู้กล้า” . . หลังจากตื่นมาดูวิวที่ไปรษณีย์เขาค้อ เราก็เดินทางมาต่อกันที่ อนุสรณ์ผู้เสียสละ ที่ใครๆ ก็บอกว่ามาเขาค้อต้องไม่พลาดที่จะมาเยี่ยมชม เพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้กล้ารักษาดินแดน ซึ่งในอดีตสถานที่แห่งนี้เป็นฐานแห่งแรกที่ทหารไทยยึดคืนมาได้จากการสู้รบกับ พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) มีการจำลองลานต่อสู้ มีหลุมหลบภัย มีกระสอบทรายบังเกอร์ อยู่ด้านข้าง ที่นี่ยังเป็นจุดชมวิวที่สวยงามแห่งหนึ่งของเขาค้อ แต่วันนี้หมอกลงหนามากจึงทำให้เราความงดงามของหมอกแทน . . ก่อนถึงอนุสรณ์ผู้เสียสละเราจะผ่านพิพิธภัณฑ์อาวุธ ฐานอิทธิ ตั้งชื่อตาม พันเอก อิทธิ สิมารักษ์ ผู้มีบทบาทสำคัญในการต่อสู้ยึดพื้นที่เขาค้อคืนจาก ผกค.ในปี พ.ศ.2524 บริเวณนี้เคยเป็นฐานปืนใหญ่ ยิงสนับสนุนการ สู้รบ ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์เปิดให้เข้าชม มีค่าบำรุงสถานที่ 10 บาท . . ปล.หมอกลงหนา ขับรถกันระวัดระวังด้วยนะครับ
Location : https://goo.gl/maps/6zibJ9EUP182
มาต่อกันที่ “ทุ่งกังหันลมในวันฝนพรำ” นี่เป็นครั้งแรกที่มาเห็นด้วยตา โอโฮมันใหญ่มาก คือมันใหญ่จริงๆ ถ้าเทียบกับสเกลมนุษย์ คือมันมีความสูงถึง 100 เมตร มีทั้งหมด 24 ต้น เป็นอีกจุดนึงที่ห้ามพลาดเลยถ้ามาเที่ยวเขาค้อ ที่เนี่ยอยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 1050 เมตร วิวรอบๆ คือใช่มาก ยิ่งวันที่ฝนตก หมอกลงหนาๆ ด้วยแล้ว แสนจะฟิน ข้างๆ ติดกับไร่สตอเบอร์รี่ด้วยนะ ใครหิวก็ไปชิมได้ เหมาะมากนะที่จะชวนเพื่อนๆ มาเที่ยว หรือพาครอบครัวมาเที่ยว เพราะเดินทางมาได้สะดวกสบาย ถนนก็ดีมาง่ายมาก . . กิจกรรมที่น่าสนใจ : ขับฟอร์มูลาม้ง , นั่งชิงช้าชาวเขา . . ได้ลองนั่งชิงช้าละอย่างมันส์เลย คือมันจะลอยได้สูงมากๆ อ่ะ แต่ก็ระวังหน่อย ควรเล่นตอนที่มีคนช่วยเราลงได้ แต่ถ้าลองได้เล่นแล้วจะไม่อยากหยุดเล่นเลย . . ทุ่งกังหันลมเปิดให้เขาชท เวลา 6.00 น – 18.00 น มีรถรางบริการ 40 บาท (พาเที่ยวทั่วพื้นที่โครงการ) ค่าจอดรถ 20 บาท
Location : https://goo.gl/maps/PNtq1n1HKjD2
เดินทางมาต่อกันที่ วัดพระธาตุเขาซ่อนแก้ว สถานที่ที่พลาดไม่ได้เลยเมื่อมาเขาค้อ เจดีย์ของวัดพระธาตุผาซ่อนแก้วเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งได้รับประทานมาจากสมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก ซึ่งตัวเจดีย์ติกแต่งด้วยกระเบื้องที่มีสีสันสวยงามแปลกตา อีกหนึ่งไฮไลท์ของวัดนี้คงหนีไม่พ้น อุโบสถพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ ที่มีความยิ่งใหญ่ตระหง่านอยู่กลางหุบเขา
Location : https://goo.gl/maps/r9GGdYGtJGp
จบตรงนี้วันที่ 3 ก็เริ่มสนุกกันแล้วใช่ไหมละครับ ซึ่งการเดินทางครั้งนี้เรายังเหลืออีก 27 วันด้วยกัน สำหรับเพื่อนๆ ที่สนใจรายละเอียดสถานที่ต่างๆ เราก็ขอแนะนำให้ไปอ่านต่อกันที่ Album ภาพของ ” ท่ อ ง เ ที่ ย ว เ รื้ อ รั ง ” ที่แยกวัน แยกสถานที่ทำเป็นอัลบั้มภาพไว้อย่างชัดเจนที่นี่เลย https://goo.gl/K6tqbs แต่สำหรับหน้านี้ เราจะมาต่อกันที่รายจ่ายต่างๆ ว่าเราสามารถใช้ชีวิตท่องเที่ยวกัน 30 วันอย่างไร
ผมขอแบ่งย่อยเป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ เป็นประเภทใหญ่ๆ ดังนี้
การเดินทาง: เราเดินทางโดยใช้รถ เชฟโรเลต เทรลเบลเซอร์ Z71 เป็นรถอเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง แบบฉบับอเมริกัน แต่ก็มีความหรูหราเบาๆ สะดวกสบาย ภายในกว้างมาก เข้ากับสไตล์สปอร์ตสุดเท่เก๋ไก๋ไปกับทริปนี้ฝุดๆ ไหนๆ ก็พูดมาขนาดนี้แล้ว ก็จะขอขายรถยาวๆ หน่อย ฮาๆๆๆ
เจ้าเชฟโรเลต เทรลเบลเซอร์ Z71 มีดีไซน์โฉบเฉี่ยวทุกมุมมอง พิถีพิถันทุกรายละเอียดทั้งภายนอก และภายใน โดดเด่นไม่ซ้ำใคร พร้อมระบบความปลอดภัยที่ครบครัน มั่นใจในสิ่งที่เลือก..เพื่อคนที่คุณรัก ทะยานสู่นิยามของความสมบูรณ์แบบที่เหนือกว่า…ที่ใครก็ตามไม่ทั… สัส!!! ขายแรงมาก ฮาๆๆ เอางี้ดีกว่า เด่วจะมาขายเบาๆ ตามสไตล์ภาษาเราให้ฟัง
คือการออกแบบก็จะไม่พูดมาก เพราะสไตล์ของเรามันไม่เหมือนกัน แต่มาดูนี่ดีกว่า คันนี้เป็นรถ SUV เครื่องยนต์ที่ผลิตโดยเชฟโรเลต และเป็นลิขสิทธิ์เฉพาะเชฟโรเลตทั่วโลก เครื่องยนต์ดูราแมกซ์ ดีเซล คอมมอนเรล ไดเรคอินเจคชั่น ขนาด 2.5 ลิตร แบบ 4 สูบ 16 วาล์ว DOHC พร้อมเทอร์โบแปรผัน (VGT – Variable Geometry Turbocharger) และอินเตอร์คูลเลอร์ ผลิตกำลังสูงสุด 180 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ / นาที แรงบิดสูงสุด 440 นิวตัน – เมตร ที่ 2,000 รอบ / นาที ซึ่งจากข้อมูลตรงนี้คือแรงในระดับดีที่เดียว
ตัวถังรถก็มีมาตรฐานยานยนต์อเมริกัน ผลิตจากเหล็กกล้าพิเศษ และคานเหล็กนิรภัยกันกระแทกจากด้านหน้าและด้านข้าง พร้อมถุงลมนิรภัยคู่หน้า และถุงลมนิรภัยบริเวณหัวเข่า สำหรับผู้ขับขี่ มี ระบบแจ้งเตือน การชนด้านหน้า (Forward Collision Alert), ระบบช่วยเตือน เมื่อขับขี่รถออกนอกช่องจราจร (Lane Departure Warning), ระบบช่วยเตือน การจราจรที่ด้านหลัง ขณะถอยรถ (Rear Cross Traffic Alert) และระบบอื่นๆ ที่จะต้องอึ้งกันแน่นอน
อาหาร: เราทานปกติไม่อดครับ ตีเฉลี่ยไปเลยมื้อละ 100 บาท 30 วัน วันละ 3 มื้อ ก็หมดไปราวๆ 9,000 บาท สำหรับอาหาร
ที่พัก: เนื่องจากว่าน้องกายเดินทางคนเดียวครับ ไม่มีตัวหาร สถานที่ไหนที่กางเต้นท์ได้ ก็จะจ่ายถูกหน่อย สถานที่ไหนที่ไม่มีที่กางเต้นท์แต่มี hostel ก็จะจ่ายราคากลางๆ แต่ที่ไหนที่จำเป็นจำต้องนอนโรงแรมก็ต้องนอนครับ เราเลยตีค่าเฉลี่ยไปเลยว่า พักคืนละ 600 บาท เป็นราคามาตรฐานไทย
สถานที่ท่องเที่ยว: สถานที่ท่องเที่ยวเราต้องจ่ายทั้งค่าเข้า และค่ารถเข้า ตรงนี้ flexible มากๆ ค่าเข้าอุทยานคนหนึ่งก็ราวๆ 40 บาท ค่าเล่นกิจกรรมต่างๆ ของแต่ละที่ราคาก็ไม่เท่ากัน เราจึงไม่สามารถคาดการตรงนี้ได้ใกล้เคียงเลย ตรงนี้เลยปล่อย flexible ว่าขึ้นอยู่กับความต้องการของตัวเองครับ
เบ็ดเตร็ด: รายจ่ายส่วนตัว เช่นดื่ม ร้องคาราโอเกะ เที่ยวเล่น ฯลฯ
และนั่นก็เป็น Guideline เบื้องต้นที่คิดว่าจะพาเพื่อนๆ ไปยังจุดต่างๆ ที่น่าสนใจได้ ก่อนที่จะเข้าไปดูใน Album Day 4 – Day 30 เราจะพาเพื่อนๆ ไปชมภาพประทับใจที่เราจะเอามาปิดท้ายกระทู้นี้ หวังว่าเพื่อนๆ คงจะชอบกัน แล้วเจอกันระหว่างทางครับ ยังไง ฝากผลงานของน้องผมคนนี้ด้วย
:: follow us ::
Youtube : https://goo.gl/Tk9uHo
Fan Page : https://goo.gl/kDE9eh
Facebook : https://goo.gl/S42XZq
Instagram : https://goo.gl/60tM0B
Website : https://www.palapilii.com/
#palapilii
#wanderlust
#YOLO