9 จุดหลักห้ามพลาดใน ” โอซากา (OSAKA) ” สำหรับคนที่พึ่งเคยมาครั้งแรก!!!

การไปเที่ยวญี่ปุ่นสักครั้งหนึ่ง หากในการเดินทางครั้งนั้น คุณมีโอกาสที่จะได้ไปเหยียบในตัว Osaka สักสองสามวัน หรือว่าได้ตั๋วโปรไปกลับราคาถูกประมาณ 5,000 – 6,000 บาทแล้ว ห้ามพลาดสถานที่ต่อไปนี้ที่ผมอยากจะแนะพวกคุณทุกคนให้ไปให้ไดหากว่าครั้งนี้ เป็นการมาเหยียบโอซากาครั้งแรกของคุณ!!!

1. CUP NOODLES MUSEUM OSAKA IKEDA

ที่อยู่: 8-25 Masumicho, Ikeda, Osaka 563-0041, Japan

ค่าเข้าชม: ฟรีค่าเข้าชม แต่มีค่าใช้จ่ายในกรณีที่ทำ workshop

เวลาเปิด-ปิด: เปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 9:30 – 16:00 น. (เข้าได้ถึง 15:30 น.)

วันปิดทำการ: ทุกๆวันอังคารและวันหยุดช่วงปีใหม่

วิธีการเดินทาง: ใช้รถไฟสาย Hankyu-Takarazuka Line ลงสถานี Ikeda ทางออก Masumi-cho Homen เดินต่อไปอีกประมาณ 6-7 นาที

พิพิธภัณฑ์บะหมี่สำเร็จรูป (Momofuku Ando Instant Ramen Museum) อยู่ในเขตอิเคดะ จังหวัดโอซาก้า สถานที่แห่งนี้เรียกได้ว่าเป็นต้นกำเนิดของบะหมี่ชื่อดังนามว่า Nissin ที่ใครหลายคนคงเห็นผ่านตากันมาบ้างแล้วล่ะ ประวัติคร่าวๆ คือนาย Monofuku Ando คนที่ก่อตั้งบริษัท Nisshin Food เค้าได้คิดค้นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่ชื่อ “Chicken Ramen” มาเป็นครั้งแรกของโลก ถ้ามองจากตัวอาคารด้านนอกดูเหมือนไม่มีอะไรน่าสนใจ แต่พอได้เข้าไปข้างในแล้ว สิ่งแรกที่หลายคนเห็นคือประวัติความเป็นมาอันยาวนานที่เรียงมาม่าแต่ละแบบไว้เป็นรางรถไฟเลยล่ะ

ข้างในมีจอหนังให้คนที่สนใจได้ดูเรื่องราวด้วยนะ highlight ของที่นี่ที่ผู้คนหลั่งไหลมาคือ Workshop การทำเส้นบะหมี่ที่เราเห็นกันในถ้วนมาม่านี่แหละ เค้าจะสอนตั้งแต่วิธีนวดแป้งจนกระทั่งทำเป็นเส้นบะหมี่ที่เหนียวนุ่มเป็น Step เลย

และที่หลายคนชอบอีก Highlight หนึ่งก็คือ My Cup Noodle Factory โซนนี้จะให้เราได้ทำมามาคัพในแบบของเราเอง โดยทางโรงงานจะมีอุปกรณ์และวัตถุดิบให้เรา มี 4 รสชาติให้เราได้ลองทำมาม่าคัพของตัวเอง น้ำซุปไก่ ซีฟู๊ด แกงกะหรี่ แล้วก็พริกมะเขือเทศ ซึ่งเราสามารถวาดเขียนลายหรืออะไรก็ตามแต่ที่ข้างถ้วยได้ เรียกได้ว่าเป็นของฝากชั้นเยี่ยมเลยล่ะ

ตัวกิจกรรมพวกนี้อาจจะต้องจองมาก่อนนะ เพราะคนเยอะเว่อร์ ค่าเสียหายสำหรับผู้ใหญ่ก็ 500 JPY ส่วนเด็กที่ไม่เกินชั้นประถมจะอยู่ที 300 JPY ทุกอย่างง่ายครับ มี Staff ที่น่ารักคอยดูแลเราอย่างใกล้ชิด และนอกจากนี้ข้างในก็มีร้านขายของที่ระลึกด้วยนะ คือเป็นอีกประสบการณ์หนึ่งที่แนะนำมากๆ หากมีโอกาสได้มาโอซาก้า!!!

ขอปิดท้ายด้วย Noodle Cup ของ Nissin ที่ทำส่งออกมาขายที่ไทยให้เราได้ทานกัน ในมิวเซียมนี้มีอยู่ 5 รส 5 สี เลย ยังไงใครผ่านร้านไหนแล้วเห็น ก็ลองซื้อมาชิมก่อนไปเยือนแหล่งกำเนิดของเค้าได้เลย

2. Osaka Castle

ที่อยู่: 1-1 Osakajo, Chuo Ward, Osaka, 540-0002, Japan

ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 600 เยน เด็กนักเรียนต่ำกว่าชั้นมัธยมต้น ฟรี

เวลาเปิด-ปิด: 9:00 – 17:00 น. (เข้าชมรอบสุดท้ายก่อนเวลาปิด 30 นาที)

วันปิดทำการ: 28 ธันวาคม – 1 มกราคม ของทุกปี

วิธีการเดินทาง: จริงๆ ลงได้หลายสถานีเลย แต่ถ้าจะเอาใกล้สุดคงเป็น Morinomiya Station แล้วเดินเล่นต่อจนถึงตัวปราสาท ใช้เวลาเดินประมาณ 10-20 นาที ก็ถือว่าเดินเล่นชมเมืองไป

เรียกได้ว่าปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle) เป็นแลนด์มาร์กอันหนึ่งของเมืองโอซาก้าเลยก็ว่าได้ ใครไม่มาเหมือนแบบ มึงยังมาไม่ถึงอ่ะ ที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมแบบมีชื่อเสียงไม่ใช่เฉพาะดังในจังหวัด แต่มีชื่อเสียงระดับประเทศเลยนะ ด้วยความยิ่งใหญ่อลังการงานสร้างของปราสาทที่มีถึง 8 ชั้น และถูกล้อมด้วยกำแพงหินที่มีคูน้ำล้อมไว้เพื่อป้องการอันตรายใดๆ ในสมัยก่อนรอบนอก ซึ่งกว่าเราจะเข้ามาถึงจุดนี้ได้ ก็ต้องเดินผ่านสวนนิชิโนมารุ (Nishinomar Garden) กันพอสมควร จากหลายๆ รีวิวคนนิยมมาที่นี่ก่อนใครถ้ามาโอซากา แต่พีคสุดคือช่วงใบไม้ผลิ เพราะที่นี่แม่งมีต้นซากุระมากกว่า 600 ต้น บานพร้อมกันสร้างสีสันและบรรยากาศให้กับตัวปราสาทเข้าไปอีก

สมัยก่อนว่ากันว่าเป็นที่ตั้งของวัดอิชิยาม่า ฮอนกันจิ (Ishiyama Honganji Temple) แต่หลังจากที่ถูกโอดะ โนบุนากะ (Oda Nobunaga) ทำลายลงราวๆ 30 ปีของช่วงนั้น ก็ได้มีการสร้างปราสาทแห่งนี้ขึ้นมาแทน ซึ่งคนที่สร้างชื่อ โทโยมิ ฮิเดะโยชิ เค้าสร้างเพื่อให้เป็นศูนย์กลางรวมใจของญี่ปุ่น  ซึ่งหลังจากท่านโทโยมิฯ เสียชีวิตไป ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อีกครั้งจากการโจมตของโทคุกาว่า และแม้ว่าจะปรับปรุงอีกรองในปี ค.ศ. 1620 ยังเสือกโดนฟ้าผ่า ทำให้ปราสาทได้รับความเสียหายเข้าไปอีก

และด้วยความที่ทุกคนยังต้องการทำนุบำรุงสิ่งปลูกสร้างอันล้ำค้าแห่งนี้ไว้อยู่ จึงถูกบูรณะเรื่อยมาถึงปัจจุบัน ล่าสุดมีลิฟต์แล้วนะ เรียกได้ว่า ใครอยากดูต้องได้ดู ขึ้นไปให้ถึงชั้น 8 เลยมึง นี่ก็ถือว่าเป็น Landmark หลักที่ไม่ว่าโบชัวร์หรือโปสเตอร์ท่องเที่ยวที่ไหน เค้าก็ต้องยัดรูปปราสาทโอซากาเข้าไปไว้ในโฆษณาของเค้า แล้วเราจะไม่เข้าไปดูข้างในด้วยตาตัวเองจริงๆ หรอออออ

ซึ่งเอาเข้าจริงๆ แล้ว การเดินทางไปโอซากามันง่ายมากเลยนะ โปรโมชั่นมีมาตลอด และราคาถูกด้วย อย่างหน้าร้อนราคาไปกลับจะอยู่ที่ 6,000 – 8,000 บาท หรือหากจะเป็น BC แบบ Full Service ราคาต่อเที่ยว 10,000 ต้นๆ ถึงปลายๆ ก็มีมาให้เห็นอยู่บ่อยๆ นอกจากจะเช็คราคาได้ตามเพจและเว็บโปรโมชั่นแล้ว เข้าไปที่หน้าเพจหลักของ Traveloka เพื่อใช้ตัวเว็บไซต์หรือแอพพลิเคชั่น Manage ตั๋วไปกลับให้เราตามความต้องการให้เราได้อย่างสบาย

คุณสามารถเลือกช่วงบินได้ด้วยเวลา หรือไปถึงจุดหมายแบบกำหนดเวลาได้ สามารถเลือก Transit หรือไม่ Transit ที่ใดเลยก็ได้ เลือกได้แม้กระทั่งสายการบินที่เราต้องการจะบินในใจ ตัวเว็บไซต์และแอพพลเคชั่น ก็จะกรองความต้องการของเพื่อนๆ มาโชว์รูทพร้อมราคาแบบไม่แอบแฝง และปัจจุบัน Traveloka เค้าได้พัฒนาระบบการจัดการให้สามารถเดินทางเป็นแบบ Mutiple Route หรือเดินทางแบบหลายเที่ยวบินเพื่อเพิ่มความสะดวกให้เราอีกด้วยนะ นี่เคยเบรมตัวระบบเค้าไป ไม่คิดว่าจะปรับปรุงเร็วขนาดนี้

เห็นปะเนี่ย กดจองมั่วๆ ช่วงวันแม่ ได้ตั๋วขาไปใบแรกราคา 2,xxx บาท ขากลับก็เลือกเวลาออกเดินทาง หรือถึงที่หมายแบบฟิกซ์ Period เวลาได้ด้วย แบบนี้จะไม่ให้แนะนำก็คงจะนิสัยเสียมากๆ ยังไงลองเข้าไปที่ https://www.traveloka.com/th-th/flight แล้วหา Destination ลงตามใจเพื่อนๆ ได้เลย ไม่ใช่เฉพาะแค่โอซากา แต่แม่งหาที่ลงได้ทั่วโลก!!! เอาล่ะ มาต่อกันที่ Destination ที่สามกันเลยดีกว่า

3. KUROMON ICHIBA MARKET

ที่อยู่: 2 Chome-4-1 Nipponbashi, Chuo Ward, Osaka, 542-0073, Japan

เวลาปิดเปิด: แม่งแล้วแต่ร้านเลย แต่ส่วนใหญ่จะเปิด 7 โมงเช้าแล้วปิด 6 โมงเย็น

วันปิดทำการ: ไม่มี

วิธีการเดินทาง: ลงสถานีรถไฟใต้ดิน Nippombashi Station นั่งสาย Sakaisuji Line ประทางออก 5 หรือ 10 ก็ได้ ได้หมด

ตลาดคุโรมง โอซาก้า (Kuromon Ichiba Market, 黒門市場) ถือว่าเป็นตลาดที่มีชื่อเสียงและเก่าแก่มากที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองโอซากาเลยนะ ได้รับสมญานามว่าเป็น ครัวของโอซาก้า (Osaka’s Kitchen) กันเลยทีเดียว บรรยากาศก็จะเหมือนตลาดสดบ้านเรา แต่แบบอยู่ในตรอกซอยที่ดูเหมือนจะสะอาดกว่า ๕๕๕๕๕๕ คือตัวซอยแม่งยาวราวๆ ครึ่งโลเลยนะ มีร้านขายอยู่ 160 กว่าร้าน แล้วแบบมีทั้งขายสดๆ แล้วพร้อมทาน ที่สำคัญคืออาหารส่วนใหญ่เป็นอาหารพื้นเมืองด้วย

แต่ส่วนใหญ๋ก็จะเป็นแนวอาหารทะเลอ่ะ พวกซาชิมิ ซูซิ หอยนางรมแบบปลุงสุกให้ดูกันสดๆ ปลาไหล ปลากหมึก หอยเชลย่าง กุ้ง แล้วก็จะแซมๆ ด้วยผลไม้หรืออาหารพื้นเมืองต่างๆ สำคัญที่ราคามันถูกกว่าบ้านเรานี่แหละ และสดกว่าด้วย อย่างน้ำปลาดิบเนี่ย มันก็เป็นน้ำจากปลาไม่ใช่จากน้ำแข็งที่ Freeze มาเก็ทป้ะ พอเข้าปากมันเลยหวานกว่าประมาณนั้นในคำอธิบาย ว่าแต่ว่า แซลมอนไทยเนี่ย ได้ข่าวว่าเลี้ยงตรงสระแถวบ้านไม่ใช่หรอ ๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕

นอกจากที่พูดมาก็ยังมีของฝากด้วยนะ เรียกได้ว่าหากใครมีเวลาน้อยๆ อาจจะไปจบที่นี่เดียวเลยก็ได้ มีของฝากแบบญี่ปุ่นอ่ะ พวกกลูลิโกะ คิทแคท หรือลามไปยังอุปกรณ์ทำครัวของญ๊่ปุ่น และเสื้อผ้าต่างๆ เลย เป็นอีกที่ที่ชอบมาก สำหรับใครเป็นพวก Salmon Lover ไปเหอะ รับรองชอบแน่ๆ

4. UNIVERSAL STUDIOS JAPAN

ที่อยู่: 2 Chome-1-33 Sakurajima, Konohana Ward, Osaka, 554-0031, Japan

ค่าเข้าชม: สำหรับตั๋วแบบ 1 วัน ผู้ใหญ่ ราคา 7,200 JPY เด็ก ราคา 4,980 JPY ผู้สูงอายุ ราคา 6,470 JPY (ทุกราคารวมภาษีแล้ว แต่ราคานี้ยังไม่รวมบัตร Express Pass นะ ซึ่งราคาจะสูงกว่าเท่าตัวเลย)

เวลาเปิด-ปิด: 10:00 – 17:00 น. (Low Season) และ 9:00 – 21:00 น (Peak Season)
วันปิดทำการ: ไม่มี

การเดินทาง: ลงสถานี Nishikujo แล้วเปลี่ยนมาเป็น JR สาย Yamesaki ลง Universal-City Station เดินต่ออีก 10 นาทีถึงเลย

ยูนิเวอร์ซัล สตูดิโอส์ เจแปน (Universal Studios Japan, USJ) คือสวนสนุกแห่งแรกในเอเชียเลยนะ ใครที่คิดว่าเป็น USS (Universal Studios Singapore) เหมือนอิชั้นตอนแรกก็ต้องหน้าแตกไป คือเปิดตัวอย่างอัลการในปี 2001 แต่คือแม่งเริ่มมาบูมอีกครั้งตอนสร้างเมืองจำลองของแฮรี่พอตเตอร์นี่แหละ

ข้างในมีเครื่องเล่นเยอะมาก แบ่งเป็นหลายโซน ไม่ว่าจะเป็น New York, Hollywood, Jurassic Park, Minion Park, Universal Wonderland, Lagoon, Water World, Amity Village, และ The wizarding World Harry Potter ที่พลาดไม่ได้เลย ซึ่งบรรยากาศก็หลากสีสัน สนุกมากๆ แถมยังมีขบวนตามเทศกาลต่างๆ มาเดินรอบสวนสนุกเป็นเวลาไปอีก อย่างตอนที่เราไปกันคือเป็นช่วง Summer ทุกคนก็จะเอาน้ำมาสาดใส่กัน สนุกมากๆ

และถ้าจะให้แนะนำเครื่องเล่นที่ผมเองก็ชอบเป็นการส่วนตัว นั่นก็คือ Backdrop Coaster กับ Flying Dinosaur อันนี้คือสนุกมากๆ ส่วนโซนเดินเล่นและทำกิจกรรมต่างๆ คงยกให้เป็นโซนนี้เลย The wizarding World Harry Potter อยู่ได้ทั้งวันจริงๆ แล้วข้างในยังมีเครื่องเล่น 4D อยู่ในโรงเรียน  Hogwarts ด้วยนะ ห้ามพลาด

5. TEMPOZAN GIANT FERRIS WHEEL

ที่อยู่: 1 Chome-1-10 Kaigandori, Minato Ward, Osaka, 552-0022, Japan

ค่าเข้าชม: คนละ 800 เยน

เวลาเปิด-ปิด: 10:00-22:00 (เข้าชมก่อนเวลา 21:30)

วันปิดทำการ: ไม่มมี

การเดินทาง: ลงที่สถานี Cosmosquare Station ที่เกาะซากิชิมะ แล้วนั่งรถรางไปต่อราวๆ 10 นาทีถึง

จริงๆ มาที่นี่ก็ไม่เชิงมาแค่ชิงช้าสวรรค์สวยๆ ตรงข้าม USJ หรอก แต่ตรงนี้คือ ย่านริมอ่าวโอซากา (Osaka Bay Area) เลยนะ เรียกได้ว่าฮิตสุดไม่แพ้ย่านใดๆ ซึ่งก็สรางขึ้นเป็นเกาะและคาบสมุทรที่นี่พิพิธภัณฑ์ สวนสนุก หอดูดาว และห้างสรรพสินค้าทั้งในแต่ต่างประเทศ แถมยังได้บรรยากาศแบบ Water Front เป็นท่าเรือเก๋ๆ ด้วย

แม้ว่าจะมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายสำหรับคนที่มีเวลาเหลือก ก็ไม่ควรพลาดทุกจุดบนเกาะนี้ แต่สำหรับคนที่มาที่นี่ครั้งแรก ก็คงต้องแนะนำ Tempozan  นี่แหละ ข้างบนสามารถชมวิวแบบ 360 องศา ที่ชิงช้าความสูงสุด 112.5 เมตรจากพื้น ยังไงถ้ามีโอกาสได้ไป ก็อย่าลืมชวนคนรักคนรู้ใจขึ้นไปนั่งชิงช้าเล่นกันนะครับบบบบ > <

6. UMEDA SKY BUILDING

ที่อยู่: 1 Chome-1-87 Oyodonaka, Kita Ward, Osaka, 531-6023, Japan

ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 1000 เยน เด็กมัธยมต้นและปลาย 700 เยน เด็กประถม 500 เยน

เวลาเปิด-ปิด: 10:00-22:30 (เข้าชมได้ถึง 22:00)

วันปิดทำการ: ไม่มี

วิธีการเดินทาง: ลงสถานี Osaka หรือ Umeda แล้วเดินไปประมาณ 10-15 นาทีถึง

จุดนี้เรียกได้ว่าเป็นย่านเศรษฐกิจ ธุรกิจแล้วใจกลางของโอซากาก็ได้ว่า เรียกเต็มๆ ว่าอาคารชมวิวอูเมะดะสกาย (Umeda Sky Building) หรือที่รู้จักกันในชื่อ New Umeda City คืออยู่ใกล้สถานีใจกลางเมืองอย่าง Osaka เลยนะ ด้วยความสูงของตัวอาคารถึง 173 เมตร จึงนับได้ว่าเป็นสถาปัตยกรรมอาคารสูงที่รูปทรางแปลกตา มีจุดชมวิวชั้นลอยฟ้าที่ 39 เรียกได้ว่าชมวิวเมืองแบบเต็มอิ่มเลย

มากไปกว่าชั้นบนที่ดูวิวได้ ในตึกยังมีชั้นใต้ดินที่เป็นแหล่งรวมร้านอาหาร Takimi-koji โดยออกแบบจำลองถนนของญี่ปุ่นในสมัยต้นโชวะ ชั้นอื่นๆ ก็จะเป็นที่ตั้งของสำนักงานต่างๆ ช่วงที่เราไปไม่ได้ขึ้น จึงไม่มีภาพด้านบนเก็บมาให้เพื่อนๆ ได้ชมกัน แต่ก็ถือว่าเป็นอีกที่ที่ห้ามพลาดเลยนะ

7. SHINSAIBASHISUJI AREA

ที่อยู่: Chuo Ward, Osaka, Japan

เวลาเปิดปิด: ไม่แน่นอนแล้วแต่ร้าน บางรานตีสามยังเปิดอยู่

การเดินทาง: ลงที่สถานีชินไซบาชิ (Shinsaibashi) แล้วเดินเล่นได้เลย

จริงๆ ย่านชินไซบาชิ (Shinsaibashi) มันอยู่ใกล้ย่านดังๆ อย่างย่านมินามิ นัมบะ (Minami Namba) ด้วยนะ ก็ถือโอกาสพูดไปพร้อมๆ กันเลยแล้วกัน เพราะเดินเชื่อมต่อกันงงย่านไปหมด จุดนี้ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเมืองโอซาก้า (Osaka) เรียกได้ว่าเป็นย่านยอดสุดฮอตของเหล่านักท่องเที่ยวเลย คือถ้ามาโอซากาแล้วไม่มาเที่ยวย่านนี้ถือว่ามาไม่ถึง เพราะเป็นย่านศูนย์กลางการช้อปปิ้งที่ใหญ่ที่สุดของเมืองโอซากาและภูมิภาคคันไซนาจาาาา

จริงๆ ตรงนี้มีแลนด์มาร์กของเมืองอย่างเจ้าป้ายกลูลิโกะอยู่ที่ย่านนี้อีกด้วย ซึ่งเดี๋ยวจะพูดในหัวข้อถัดไป ซึ่งแหล่งช้อปปิ้งสตรีทจะรวมตัวกันอยู่ระหว่างสถานีรถไฟนัมบะ (Namba) และสถานีรถไฟชินไซบาชิ (Shinsaibashi Station) นอกจาก Shopping แล้วก็ยังมีร้านอาหาร ร้านเหล้า บาร์ โหวววว คือเป็น Night Life อีกจุดหนึ่งเลยก็ว่าได้ ซึ่งลามไปถึงจุด Landmark ที่จะไม่พูดถึงที่อยู่ในหัวข้อถัดไปไม่ได้เลย

8. DOTONBORI AREA

ที่อยู่: 1 Chome-9 Dotonbori, Chuo Ward, Osaka, 542-0071, Japan

ช่วงเวลาเปิดปิด: ไม่แน่นอนแล้วแต่ร้าน

การเดินทาง: ลงสถานีนัมบะ (Namba) หรือ สถานีนิปปอมมาชิ (Nippombashi) เดินประมาณ 5 นาทีถึง

ใครมาโอซากาก็ต้องนึกถึงย่านนี้แน่นอน โดทมดบริ (Dotonbori) เป็นแหล่ง Shopping mี่ดังสุดๆ และยังมีความโรแมนติกอีกด้วย จริงๆ ย่านนี้เป็นซับย่อยอยู่ในย่านดังด้านบน แต่ที่บรรยากาศแปลกกว่าคือมีสะพานข้ามคลองโดทมโบริ ซึ่งทั้งสองฝั่งเป็นแหล่ง Shopping ขนาดใหญ่ของโอซากา บริเวณริมคลองจะติดไฟโคมเหลืองนวลชวนสร้างบรรยากาศมากๆ

และจุดที่พลาดไม่ได้ และเรียกคนทั่วโลกมาเดินย่ำที่นี่ ก็เห็นจะเป็นป้ายไฟกูลีโก ซึ่งเป็นที่รู้จักแพร่หลายผ่านทางอินเตอร์เน็ตและโฆษณาต่างๆ จุดนี้สามารถเดินไปที่สะพานเอบิซูนะ คนจะพลุกพล่านตลอดทั้งคืน ก็นอกจากจะมีของซื้อของฝายของฝากเสื้อผ้ารองเท้าราคาถูก จุดนี้ยังมีร้านดังมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเมนูปูยักษ์ ราเม็งสูตรต้นตำรับที่ตอนเราไปช่วงตีหนึ่ง ยังมีคนต่อแถวอยู่เลย ยังไงลองไปกินกันครับ

9. HARUKAS 300

ที่อยู่: 1 Chome-1-43 Abenosuji, Abeno Ward, Osaka, 545-0052, Japan

ค่าเข้าชม: คนละ 1,500 เยน

เวลาเปิด-ปิด: 10:00-22:00

วันปิดทำการ: ไม่มี

วิธีการเดินทาง: ลงที่สถานี Tennoji Station แล้วเดินเข้ามาในตึกได้เลย

จุดชมวิวอาเบะโนะ ฮารุกัส (Abeno Harukas) ตั้งอยู่ตรงข้ามกับสถานีรถไฟ Tennoji  ด้วยความสูงมากถึง 300 เมตรเลขกลายมาเป็นตึกระฟ้าที่สูงที่สุดในโอซากา หรืออาจจะสูงที่สุดในญี่ปุ่นด้วย ข้างบนสวยมากนะ โดยการมาชมวิวจะอยู่ที่ดาดฟ้าชมวิวมีชื่อว่า Harukasu 300 อยู่บนชั้น 58-60 ซึ่งจะต้องมาแลกตั๋วหรือบัตรเข้าชมที่ชั้น 16  แล้วขึ้นลิฟท์ต่อไปที่ชั้น 60

ตั้งแต่ชั้นชั้นที่ 58 ถึง 59 จะมีลานระเบียงไม้ ร้านคาเฟ่ และร้านขายของที่ระลึก มีสระว่ายาน้ำด้วยนะ เหมาะสำหรับคนที่หาที่ Dinner บรรยากาศดีๆ มาก ซึ่งเราก็ไม่ได้ใช้บริการอะไรหรอก เราขึ้นมาบนชั้นที่ 60 เลย ก็สามารถชมวิวได้แบบ 360 องศา โดยจุดที่ผมชอบที่สุดคือฝั่ง West (ทิศตะวันตก) สวยมาก เพราะมีกระเบื้องแก้ว ทำให้เราลอยฟ้าอย่างสมจริงมากขึ้น

ซึ่งในตึกนี้ยังมีห้างสรรพสินค้าอาเบะโนะ ฮารุกัส คินเทซุ (Abeno Harukas Kintetsu Department Store) ที่เป็นห้างที่ใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น มีพื้นที่ทั้งหมด 100,000 ตารางเมตร เป็นอาคารที่มึตึกปีกย่อยแยกไป แบนรด์ต่างๆ มากมายเข้ามาลง ร้านอาหารด้านบนเพียง และชั้น 10 ของบางช่วงเป็นดาดฟ้าพลาซ่า ที่มีบรรยากาศเป็นสวนผักขนาดเล็กและศาลเจ้าอีกด้วย

และนี่ก็เป็น 9 จุด Check in ห้ามพลาดสำหรับคนที่มาเยือนโอซากาครั้งแรกสำหรับผมที่ต้องแนะนำว่าห้ามพลาดเลยทีเดียว ขอโทษที่ผมไม่ใช่สายกราบไหว้เท่าไหร่ ในลิสต์เลยไม่เห็นศาลเจ้าหรือวัดต่างๆ อย่างไรก็ตามสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ของโอซาก้าได้ อย่างรวม Cafe ห้ามพลาดใน Osaka ตามลิ้งค์นี้ https://www.palapilii.com/archives/13116 หรือรีวิวทริป โอซากา เกียวโต นารา ภายใน 4 วัน 3 คืน จากลิ้งค์นี้ https://www.palapilii.com/archives/16679 หวังว่าทุกคนจะมีความสุขและได้รับประโยชน์จากบทความสั้นๆ บทความนี้ของผมนะครับ ขอบคุณครับ

Leave a Reply

*