ไปยุโรปได้ไม่ไกล แค่ “ซิงเต่า” ประเทศจีน

นี่หรือเมืองจีน!!! คือมันแบบ…ได้บรรยากาศยุโรปติดชายหาดเลย และที่สำคัญมันชิลลลมาก ทำไมชิงเต่าถึงมีกลิ่นอายยุโรปนะหรอ ก็เพราะว่า “ชิงเต่า”  //เขียนภาษาอังกฤษได้สองแบบคือ Qingdao หรือ Tsingtao อยู่ใต้การปกครองของจักรวรรดิเยอรมันสิบกว่าปี บ้านเรือนสไตล์เยอรมันยังปรากฏอยู่เต็มเมืองชิงเต่า และที่สำคัญ ชิงเต่าเป็นเมืองเบียร์  เบียร์ชิงเต่าเป็นเบียร์ระดับ Top 3 ของโลก อร่อยจริงกินง่ายอยากให้ลองอาหารชิงเต่า แล้วก็อาหารที่ชิงเต่าหรืออาหารหลู่อ่ะ ติด Top 4 ของสุดยอดเมนูอาหารจีน มานี่กินซีฟูดกันจนครีบจะงอกกันเลยทีเดียว ฮาๆๆ

การเดินทางครั้งนี้เราเดินทางไปกับสายการบิน Nokscoot โดยไฟล์ทบิน DMK-TAO ดอนเมือง-ชิงเต่า ครับ

DMK (ดอนเมือง) > TAO (ชิงเต่า)   เครื่องออก 15.20 ถึง  21.10 ที่ชิงเต่า อังคาร/พุธ/ศุกร์/อาทิตย์

TAO (ชิงเต่า) > DMK (ดอนเมือง) เครื่องออก 22.10 ถึง  02.30 ดอนเมือง อังคาร/พุธ/ศุกร์/เสาร์/อาทิตย์

ไปกัน 4 วันด้วยกันกับบรรดาพี่ๆ Blogger ท่านอื่น ซึ่งตามแพลนที่วางมาก็มีประมาณนี้

DAY 1
– สนามบินดอนเมือง-ชิงเต่า

DAY 2
– โบสถ์ St.Emil
– Anna Villa
– สะพานจ้านฉียว
– ถนนวัฒนธรรมพีฉายย่วน
– จุดชมวิว เสี่ยวอี๋ซาน

DAY 3
– ตำหนักตำหนักไท่ชิงกง
– โรงเบียร์ชิงเต่า
– ตลาดไท่ตง

DAY 4
– ถนนแปดสาย
– จัตุรัส 54

จากแพลนคร่าวๆ ที่ผู้ใหญ่ใจดีเค้าทำมาให้ ผมว่า สามารถเป็น Guideline ให้เพื่อนๆ ได้เอาไปใช้ในทริปถัดไปที่จะถึงนี้เลยล่ะ และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ผมจะพาเพื่อนๆ ไปชมสถานที่ต่างๆ ที่เราได้ไป Step on ณ บัด นาววววว เย่ๆๆๆๆ

โบสถ์ St.Emil

คือพออยู่ตรงนี้ถ้าไม่มีป้ายภาษาจีนนี่ไม่รู้เลยนะว่าจีน นึกว่ายุโรป สถาปัตยกรรมตรงนี้เป็นสไตล์ยุโรปหมดเลย ออกแบบละส้างตั้งแต่สมัยที่เยอรมันปกครองชิงเต่าอยู่ และนาฬิกาที่ติดอยู่ตรงยอดโบสถ์ก็ยังใช้ได้และจะส่งเสียงทุกวันอาทิตย์และเทศการสำคัญๆ และที่สำคัญตั้งแต่มาถึงชิงเต่า เราเห็นคนมาถ่ายพรีเวดดิ้ง เยอะมาก แบบไม่ใช่2, 3 คู่นะ เป็นสิบคู่!!!

เห็นละก็แบบ วันๆ หนึ่งประเทศนี้จะให้กำเนิดเด็กน้อยวันละกี่คนวะเนี่ย แต่ก็นั่นล่ะนะ เห็นมุมนี้แล้ว ก็อยากจะหาโอกาสขึ้นไปจุดชมวิวเมืองนี้เสียจริงๆ แต่นั่นละ่ครับ มีแน่นอนนนนนน…

Anna Villa

อยู่ใกล้ๆกับโบถส์เดินไปไม่กี่นาทีก็ถึง เป็นสถาปัตยกรรมบาโรก ได้ปรับแต่งเป็นห้องสมุดของเมืองมีหนังสือให้อ่านเยอะแยะและมีห้องนึงน่าสนใจเป็นห้องที่แปะไปด้วยกระดาษโพสอิทของผู้คนที่มาเยือน

ซึ่ง Post it ที่มาแปะนั้นแบบ เยอะมากกกกกก ส่วนใหญ่ก็จะเขียนความในใจ และก็สร้าง land mark ว่าตนเองมาถึงแล้ว แต่ดูเหมือนไม่ค่อยมีพี่ไทยเท่าไหร่นะ ถ้าเป็นไปได้ ก็อยากให้คนไทยไปสร้างแลนด์มาร์คไว้ตรงนี้ ๕๕๕

สะพานจ้านฉียว

เป็นสะพาน ตั้งแต่สมัยราชวงศ์ชิงนู่นนน ราวปี ค.ส.1819 สะพานยาวลงไปในทะเลเลย ถ้าอากาศดีน้ำขั้นๆนี่น้ำทะเลจะอยู่เสมอกับพื้นสะพานเลย เดินไปโดนคลื่นซัดไปหัวเหอเปียกหมด แต่วันนี้น้ำลงเลยมีกิจกรรมฮิตของที่นี่ ตั้งแต่เด็ก หนุ่มสาว ยันคนแก่ที่นี่ เค้ามาจับสัตว์น้ำเล็กๆตามโขดหอนกันเว้ยยยย ถ้ามีเวลาหรือเป็นเด็กๆนี่คงเพลินดีเหมือนกัน

แล้วที่แม่งพีคคือออ!!! ไอ้ปลาดาวที่เห็นน่ารักๆที่ช้อนกันอยู่ริมตลิ่งกลายเป็น ปลาดาวทอดดดด!!!! อดไม่ได้ต้องลองชิมรสชาติมันเหมือนกับแบบบบบ อืมมม น้ำมันตับปลา ตอนแรกไม่รู้กินไงกินแม่งทั้งเปลือก จนครขายต้องบอกว่าแงะมันกินเนื้อข้างใน เอิ่มมมแต่รู้สุกเปลือกอร่อยกว่าเนื่อ5555

ถนนวัฒนธรรมพีฉายย่วน

เรียกง่ายๆว่าถนนสายอาหารเลยก็ว่าได้ แม่งหยั่งกะยกมาทั้งทะเล ปลาดงปลาดาวหอยเม่น กุ้งหอย ปูปลาโอยยยย แล้วทำกันสดๆร้อนๆกันตรงนั้นเลย นี่กินมันเกือบทุกอย่างอย่างละหน่อยเพราะราคาไม่ได้ถูกเหมือนที่ได้หวัน อย่างนึงต้องมีอย่างน้อย75 บาทไทย แบบอยากกินมันทุกอย่างอะเลยซื้อแล้วกินกะเพื่อนคนละคำ

แต่มีอยู่อย่างนึงไม่แนะนำให้ลองเลย แต่ก็อยากให้ลอง มันเป็นข้าวเหนียวสีเหลืองๆที่หอมๆหวานๆเหมือนจะอร่อย กัดเข้าไปคำนึงแล้วความหอมจะฟุ้งไปทั่วทั้งปากและลำคอ แล้วแม่งจะอยู่อย่างนั้นคือ เอาข้าวเหนียวอัดแท่งใส่สีฉีดน้ำหอมมาให้กินหรือไงงงงวะแล้วมันติดอยู่ในคอในปากแบบนั้นเป็นชั่วโมง อยากให้ไปโดนกัน

จุดชมวิว เสี่ยวอี๋ซาน

จุดชมวิวตรงนี้ สามารถมองเห็นเกือบทั้งหมดของตัวเมือง ทั้งหลังคาแดงๆสไตล์เยอรมันที่ไม่ต้องไปถึงเยอรมัน แต่สถาปัตยกรรมช่างแตกต่างกันเหลือเกิน ขึ้นมานี่จีนจ้าเลยมองลงไปเป็นตึกยุโรป แล้วถ้าเดินไปอีกด้านจะเป็นทะเลมีชายหาด เพิ่งมารู้ที่หลังว่าสวยติดอันดับ แต่เราว่าสู้บ้านเราไม่ได้เลยไม่ได้ถ่ายมา5555

ตำหนักตำหนักไท่ชิงกง

ที่นี่ คือแหล่งกำเนิดและเผยแพ่ลัทธิเต๋า ตำหนักไท่ชิงกง หรือตำหนักสามอำมาตย์ ประกอบด้วยตำหนักหลักๆ 3 แห่ง คือตำหนักซันกง ซันหวง และซันชิง ซึ่งล้วนก่อสร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์ซ่งเหนือ อายุเก่าแก่กว่าพันปี บนยอดเขามีรูปจำลอง ขงจื้อใหญ่มากกกกก แต่ก็ต้องเดินขึ้นบรรไดไปสูงอยู่เหมือนกัน แต่ที่นี่อากาศเย็นตลอดเดินชิลๆไปเรื่อยๆไม่เหนื่อยเลย

ระหว่างทางไปที่นี่จะเป็นถนนเรียบภูเขาขนาบด้วยชายหาดถ้าไม่หลับอย่าลืมถ่ายรูปนะเราว่ามันสวยและน่าลงไปเก็บบรรยากาศมากๆ เราไม่มีเวลาพอ เลยต้องนั่งดูอยู่ในรถตาปริบๆๆๆ

โรงเบียร์ชิงเต่า

อย่างที่เกริ่นมาตั้งแต่แรกว่าเบียร์ชิงเต่า ดีติดอันดับ 3 ของโลกกกก วันนี้เราบุกมาถึงโรงงานทำเบียร์กันเลยดูสิมาจะเมาเอ้ยยยจะอร่อยแบบที่เค้าว่ากันไหมมมม

เอาขวดไหนนนนดีน้าเด๋วๆๆ ในนี้เค้าตั้งโชว์ เหมือนมาตั้งให้อยากให้กินนนน รออีกแปปปนะตัวเธอออ

เดินชมจนทั่วโรงเบียร์แล้วก็ถึงเวลาที่เราจะได้ชิมเบียร์สดๆจากกกกโรงกลั่นแล้วววว แล้วมันก็อร่อยจริงๆคอเบียร์น่าจะชอบหอมและนุ่มกินง่ายมากๆ และใครอยากซื้อกลับบ้านก็ซื้อใส่ถุงไปด้วย แบบใส่ถุงจริงๆกรอกกันสดๆเลย แล้วถ้าใครอยากได้บรรยากาศนั่งจิบเบียร์แบบชิงเต่า เดินออกมาหน้าโรงเบียร์เป็นถนนที่เป็นร้านนั่งกินเบียร์ชิลๆทั้งเส้นเลย

ตลาดไท่ตง

เดินจากโรงเบียร์สัก 10 นาทีก็ถึงตลาดไท่ตง เป็นตลาดกลางคืนที่คึกคักมากกกกก เดินนี่แทบจะชนกัน ขายทุกอย่างเครื่องใช้ไฟฟ้า เสื้อผ้า ชาไข่มุก โทรศัพมือถือและก็มีตรอกที่ขายอาหารแบบปิ้งย่างต้มทอดหรืออะไรที่อยากกินในชิงเต่าที่นี่มีเกือบหมด เดินๆกินๆ จนมือดเราก็กลับไปนอน

เรามาอยู่ที่ชิงเต่าหลายวันทาง Nokscoot ได้จองที่พักให้เราคือที่โรงแรม Hilton Qingdao Golden Beach เลี้ยงดูปูเสื่อกันดีมากกกกกกกกก ขอขอบคุณเป็นอย่างสูงเลยครับ

ถนนแปดสาย

ถนนแปดสายหรือเรียกอีกชื่อว่า ปาต้ากวน ย่านนี้ที่เด็ดอยู่ที่เค้าปลูกต้นไม้ดอกไม้ที่เปลี่ยนสีตามฟดูทั้งเส้น ถ้ามาถูกเดือนจะเหลืองงงงไปหมด หยั่งกะใบไม้เปลี่ยนสีที่เกาหลีหรือญี่ปุ่นเลย ที่จีนก็มีน้าจ้า ถ้าจะมาให้เห็นใบไม่เปลี่ยนสีต้องช่วงไฮซีซั่นของเมืองนี้น่าจะอยู่สองช่วงคือช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิ และต้นฤดูใบไม้ร่วง ก็คือราว มิถุนายน กับ ตุลาคม นั่นเอง และพวกตัวบ้านเรื่อนของแถบๆนี้จะเป็นสไตล์ยุโรปหมด โอยโรแมนติกทำร้ายคนโสดสุดๆ

ที่นี่เป็นเมืองแห่งการถ่ายรูปแต่งงานจริงๆๆๆๆๆคือเวลามาถ่ายต้องเจอเป็นสิบๆๆๆคู่โอยยยยย โสดแล้วพาล แต่ที่มีคนมาถ่ายเยอะเพราะบรรยากาศมันดีจริงๆร้อนก็ไม่ร้อนอากาศ 20 นิดๆตลอดวันแล้วก็ยังมีต้นไม้สีสวยๆอีก

จัตุรัส 54

แลนด์มาร์คสำคัญเมืองชิงเต่า สัญลักษณ์การเคลื่อนไหวต่อสู้เรียกร้องอิสรภาพจากจักรวรรดิเยอรมันที่เกิดเหตุการณ์ขึ้นเมื่อ 4 พฤภาคม ปี ค.ศ.1919 หน้าอ่าว Fushan ตรงนี่คนเยอะมากเหมือนเป็นจุดที่คนจะมาพักผ่อนกัน ลมทะเลพัดผ่านตลอดเวลา และก็มีวิวทะเลวิวตึกอยู่ข้างหลัง ตรงแถบนนี้จะเป็นเมืองใหม่แล้วจะมีตุกสูงเยอะซึ่งต่างจากอาคารตรงแถบเมื่องเก่าที่เป็นวไตล์ยุโรป
ประติมากรรมลมหมุนแดงเจิดจรัสแห่งเดือนพฤษภา

The Wind of May

เอออออ… ลืมลงรูปอาหารเราจะลงที่เราว่าเด็ดๆเลยคือ พวกของทะเลนึ่งที่นี้ตามร้านอาหารเค้าจะแบบใส่หม้อนึ่งกันสดๆเลยหยั่งกะกินเอ็มเคสุกี้บ้านเรา

และอีกอย่างคือ สุกี้หม้อไฟที่ใส่หมาล่าแบบโหดๆๆกินที่ลิ้นแม่งชาหยั่งกะไม่เคยมีลิ้นมาก่อนแต่พอปรับตัวได้อร่อยยยมากกกขอบอก

จบทริปชิงเต่า เมืองจีนที่ไม่เหมือนเมืองจีน เป็นจีนสไตล์ยุโรป บ้านเมืองสะอาดไม่มีขยะบนถนน ห้องเข้าได้หรืออาจจะยังไม่โดนที่โหดๆ อาหารทะเลมีให้เลือกกินกันมากมายจนครีบจะงอก ถึงจะได้มาสัมผัสแค่ผิวเผินแต่ก็รู้ได้ทันที่ว่าที่นี่ต่างจากจีนที่เราเคยรู้จักตั้งแต่เดินออกจากสนามบินเลยเชียว ถ้าเพื่อนๆได้มาสัมผัสจะรู้เองงงง และขอบคุณผู้ร่วมชะตากรรมจากเพจต่างๆที่ทำให้ทริปนี้สนุกมากกกกกกขอบคุณครับ : )

:: follow us ::

Youtube : https://goo.gl/Tk9uHo
Fan Page : https://goo.gl/kDE9eh
Facebook : https://goo.gl/S42XZq
Instagram : https://goo.gl/60tM0B
Twitter : https://goo.gl/wx2I34
Pinterest : https://goo.gl/P1FsxN
Google+ : https://goo.gl/uQrGS9
Website : https://www.palapilii.com/

Leave a Reply

*