Site icon PALAPILII-THAILAND

พาเที่ยว “คยองกีโด” เกาหลีใต้ | Gyeonggi-do – South Korea

พาเที่ยว “คยองกีโด” เกาหลีใต้ | Gyeonggi-do – South Korea

ที่เกาหลีมันมีอะไรที่ทำให้คุณนั้นต้องอยากไป…  แฮร่!!  เมื่อเอ่ยถึงเกาหลีคนส่วนมากมักจะนึกถึงกรุงโซล เพราะสถานที่ท่องเที่ยวและแหล่งชอปปิ้งชื่อดังต่างๆ มักรวมกันอยู่ในเมืองนี้  แต่ครั้งนี้เราจะพาเพื่อนๆ ไปเที่ยวรอบโซลกันบ้าง  นั่นก็คือ “จังหวัดคยองกีโด”  ที่เปรียบเหมือนไข่ขาวที่ล้อมรอบไข่แดงอย่างโซลไว้นั่นเอง  เราไปดูกันเลยดีกว่าว่าเขามีแหล่งท่องเที่ยวอะไรเด็ดๆ ให้เราตามไปเช็คอินกันบ้าง  เพราะเกาหลีไม่ได้มีดีแค่ในกรุงโซลแต่ยังมี “คยองกีโด” (Gyeonggi-do)  ที่โอ้โห!!!  มันโคตรคูลจังเลยแกกกกก แงงงง > <

DAY 1

ทริปนี้เราเดินทางมากับ AirAsia Go นะ ซึ่งทางการท่องเที่ยวของจังหวัดคยองกีโดเนี่ย เค้าก็เชิญพวกเรามาเปิดหูเปิดตาเปิดกะลาให้เรารู้ว่า ” เกาะหลีใต้ไม่ได้มีแค่โซล ” นั่งเครื่องบินแล้วร่อนไปลงจอดที่สนามบินอินชอน  พอก้าวเท้าออกจากเครื่องก็เริ่มใจสั่นนิดๆ  เห็นเขาร่ำลือกันว่า ตม. ที่นี่โหด!!  แต่เราก็ทำใจกล้าแจกยิ้มหวานตามสไตล์  ไอคัมฟอมไทยแลนด์แดนสไมล์ ^_^ เราแวะมาเที่ยวเดี๋ยวเดียวก็กลับล้าวววว  สแกนนิ้วถ่ายรูปเสร็จก็ยืนจ้องดากันสักพักแล้วพี่ท่านก็ใจอ่อนยอมให้เราบุกประเทศจนได้  “ อันนยองฮาเซโย ”

เมื่อคืนเราเข้าพักกันที่  The MVL  ในเมืองโคยัง (Goyang) เพราะจุดหมายแรกของเราในวันนี้คือแหล่งชอปปิ้งที่มีทั้ง Snow Park และ Water Park  อยู่ในที่เดียวกัน

One Mount

อยากชุ่มฉ่ำก็เข้าสวนน้ำหรือชอบหนาวสั่นจนขนตั้งก็เข้าเมืองหิมะ  มาที่เดียวเที่ยวได้ทั้งฤดูร้อนและฤดูหนาวเลยนะเฮ้ยย  เหมาะแก่การชวนเพื่อนและครอบครัวมาพักผ่อนหรือทำกิจกรรมร่วมกันคือดีย์

เราเลือกเข้า  Snow Park  ที่นี่มีลานน้ำแข็งและหิมะตกอยู่ในที่เดียวกันเแห่งแรกของโลกนะจ๊ะ  ก้าวเข้ามาก็รู้สึกเย็นยะเยือกจนต้องรีบวิ่งไปใส่เสื้อคลุมและเปลี่ยนรองเท้ากันก่อนเพราะบนลานน้ำแข็งมันลื่นมากเดี๋ยวจะหัวทิ่มกันซะก่อน ^^

บนลานน้ำแข็งแห่งนี้เต็มไปด้วยของเล่นมากมาย เช่น ม้าหมุน เกมส์โซน เครื่องเล่นต่างๆ  และยังมีหิมะตกลงมาเป็นระยะให้เราได้วิ่งไล่จับกันอีกด้วย  คว้าจักรยานสกีมาปั่นรอบลานน้ำแข็งกับอากาศเย็นๆ ก็เพลิดเพลินไปอีกแบบ

อยากนั่งรถลากก็มีเจ้าไซบีเรียนฮัสกี้สุดหล่อแห่งเมืองหิมะคอยพาเราซิ่ง

หรือจะไถลตัวลงมาจากสไลเดอร์น้ำแข็งมันก็จะเสียวหน่อยๆ พอได้ส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดกันไป  นานๆ ทีได้เล่นอะไรแบบนี้เหมือนย้อนกลับไปเป็นเด็กอีกครั้งมันดีจริงๆ นะแก

แอบรู้สึกเสียดายที่ไม่ได้เข้า  Water Park  เพราะเขามีเครื่องเล่นมากมายที่จะทำให้ทุกคนสนุกสนานไม่แพ้เมืองหิมะเลย  แถมยังมีเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยเป็นอย่างดีด้วย  แต่ด้วยเวลาที่จำกัด เราเลยต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง  และรับรองว่าครั้งหน้าเราจะไม่พลาดแน่นอน

One Mouth  :  เปิดให้บริการทุกวัน  เวลา  10.00-19.00 น.

Water Park  บัตรราคา  50,000  วอน

SnowPark     บัตรราคา  35,000  วอน

** มีส่วนลด 50% สำหรับชาวต่างชาติ แต่ต้องโชว์พาสปอร์ตด้วยนะจ๊ะ       การเดินทาง :  นั่งรถไฟใต้ดินมาลงที่สถานีจูยอบ สายสาม ทางออก 2 มีรถ One Mount Shuttle Bus รับส่งทุก 15 นาที

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่    :  www.onemount.co.kr

Hyundai Motorstudio Goyang

เชื่อว่าหลายคนคงคุ้นหูกับชื่อ Hyundai  อยู่แล้วแต่ที่นี่ไม่ใช่โชว์รูมขายรถเพียงอย่างเดียวแต่เป็นเหมือนสวนสนุกยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลี  ซึ่งครบครันด้วยนวัตกรรมที่ล้ำสมัยบอกเล่าเรื่องราวขั้นตอนการผลิตและการทำงานของรถยนต์อย่างครบวงจรด้วยเทคโนโลยีที่น่าทึ่ง  การออกแบบความปลอดภัยทั้งภายในและภายนอกเพลิดเพลินกับวิธีการนำเสนอในรูปแบบต่างๆ เหมือนสัมผัสของจริง ที่ทำให้เราตื่นเต้นตลอดเวลาที่เข้าชม

เข้ามาจุดแรกก็ทึ่งกับการประกอบชิ้นส่วนรถยนต์ด้วยหุ่นยนต์  คือมันเจ๋งตรงที่เจ้าหุ่นยนต์จับชิ้นนั้นชิ้นนี้มาประกอบกันจนกลายเป็นรถยนต์ 1 คัน  แค่ฟังก็น่าสนุกละใช่มะหละ

ได้สัมผัสการทำงานของเจ้า Airbag  เป็นครั้งแรกมันก็จะแบบยุบหนอพองหนอ  ฮ่าๆๆ

เดินต่อไปตามโซนต่างๆที่ตลอดทางเรามีส่วนร่วมกับกิจกรรมและสัมผัสกับเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยจนเราอึ้งและแอบทึ่งว่าคนเกาหลีทำไมเก่งจังว๊าาา

ทีเด็ดของที่นี่คงต้องยกให้ห้อง 4D  ที่เหมือนกับเราขับรถแข่งลุยป่าฝ่าเขาบุกเข้าทะเลทรายแอดเวนเจอร์สุดๆเหมือนได้ขับรถจริง  ใจหายใจคว่ำแต่ก็มันส์มว๊ากกขอเล่นอีกสักสองรอบได้ม๊ายยย

ยังมีอีกหลายส่วนเลยที่เรายังเล่าไม่หมดแต่ขออุบไว้บ้างเพราะอยากให้ทุกคนไปเห็นด้วยตาตัวเอง  โดยเฉพาะกลุ่มคนรักรถขอบอกว่าไม่ผิดหวังแน่นอนไปเกาหลีครั้งหน้าลองแวะไปสัมผัสนวัตกรรมใหม่ๆกันดูนะจ๊ะ

Hyundai Motorstudio Goyang  :  เปิดให้บริการทุกวันจันทร์-ศุกร์   เวลา  09.00 – 20.00 น.

ค่าเข้าชม  ผู้ใหญ่ราคา  10,000  KRW  / เด็กราคา  6,000  KRW

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่    :  http://motorstudio.hyundai.com/goyang

Goyang Starfield

หลังจากเที่ยวสนุกมาทั้งวันแล้วเราจะพาไปเดินเล่นพักผ่อนชอปปิ้งกันที่  Goyang Starfield  แหล่งชอปปิ้งแห่งใหม่ในเมืองโกยางที่มีขนาดใหญ่มากกก  ตกแต่งหรูหราทันสมัยโปร่งโล่งสบายไม่ให้ความรู้สึกอึดอัด  อีกทั้งยังรวบรวมสินค้าแบรนด์ดังเอาไว้มากมาย  ไม่ว่าจะเป็นเครื่องสำอางค์ เสื้อผ้า รองเท้าที่มีมากกว่า 500 ร้านค้า  รับรองว่าถูกใจขาช็อปแน่นอน

เดี๋ยว!! เกือบลืมไปเลย ในห้างแห่งนี้เขามีคาเฟ่และร้านค้าสำหรับพาน้องหมามาเดินช็อปปิ้งด้วยนะ  หรือถ้าบ้านไหนติดภารกิจไม่มีเวลาดูแลน้องหมาที่นี่เขาก็มีโรงแรมหมาให้นอนด้วยนะเออน่ารักจิงๆ  ทำไมรู้สึกอิจฉาน้องหมาจังไปแย่งที่นอนซะดีมะเนี่ย ฮ่าๆๆ

เดินชอปปิ้งจนขาลากกระเป๋าเบากันไปแล้วท้องน้อยๆก็เริ่มประท้วงว่าหนูหิวแล้ว  ร้านอาหารในนี้มีให้เลือกมากมายแต่เราขอแนะนำร้านนี้  DEVIL’S  Diner  รับรองว่าเด็ด!!!

หนังท้องตึงหนังตาก็หย่อนขอกลับไปพักเอาแรง เพื่อลุยกันต่อพรุ่งนี้ดีกว่าเนอะ  Zzzz

Goyang Starfield  :  เปิดให้บริการทุกวัน   เวลา  10.00 – 22.00 น.

DAY 2

เช้าลืมตาขึ้นมามองเธอในยามเช้าตรู่  แอบหอมแก้มเธอเบาๆ เดี๋ยว!!! เมิงนอนคนเดียวจะไปหอมใครเล่า!!!  แบบว่านอนหลับสบายก็เลยอารมณ์ดีนิดเนิง ^^  เข้าเรื่องกันดีกว่าวันนี้เราจะพาไปชมธรรมชาติของเกาหลีกันบ้างจะเป็นที่ไหนยังไงตามมาโลดด

Pocheon Art Valley 

Pocheon Art Valley  :  แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ  ที่ผสมผสานศิลปะและวัฒนธรรมรวมกันอย่างลงตัว  ไฮไลท์ของที่นี่คือทะเลสาบที่ถูกโอบล้อมด้วยหน้าผาหินแกรนิตขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นจากการทำเหมืองแร่เมื่อสมัยก่อนและถูกปรับปรุงให้กลายมาเป็นศิลปะที่งดงามในปัจจุบัน  ใครที่ชื่นชอบซีรีย์เกาหลีคงเคยเห็นวิวนี้ผ่านตากันมาบ้างเพราะซีรีย์ดังๆ เขามาถ่ายทำกันที่นี่เยอะเลย

เดินชมวิวระว่างทางขึ้นไปชิวๆหรือถ้ากลัวเหนื่อยเขาก็มีรถรางให้บริการ

นอกจากนี้ยังมีสวนประติมากรรมที่มีผลงานมากมายที่ส่วนใหญ่ทำมาจากหินแกรนิต

อาคารพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ทางดาราศาสตร์  คล้ายกับท้องฟ้าจำลองบ้านเราแต่ของเขาล้ำหน้ากว่าด้วยการฉายภาพด้วยระบบ 4D  เริ่มจากแนะนำให้เราได้รู้จักกับดวงดาวต่างๆ หลังจากนั้นก็พาเราทะยานเข้าไปห้วงอวกาศเหมือนนั่งอยู่ในยานจริงๆ  นั่งอยู่ที่บนเก้าอี้แท้ๆแต่ดันคอยโยกหลบหินอุกกาบาตตลอดเวลา  นวัตกรรมความคิดสร้างสรรค์เขามาไกลมากอ่ะ

ถ้าอยู่จนถึงช่วงกลางคืนจะมีการโชว์แสงสีตรงหน้าผาหินอีกด้วย  และถ้าช่วงหน้าหนาวก็จะได้เห็นหิมะปกคลุมไปทั่วบริเวณสวยสะดุดตาไปอีกแบบ

Pocheon Art Valley  :  เปิดให้บริการทุกวัน  ฤดูร้อนเวลา  09.00 – 22.00 น.  ฤดูร้อนหนาว  09.00 – 21.00 น.

บัตรเข้าชม  :  ผู้ใหญ่ราคา  5,000 วอน  เด็กราคา  1,500 วอน

การเดินทาง  :  นั่งรถไฟฟ้าใต้ดิน สาย 2 สีเขียว ลงสถานี Gangbyeon ทองออกที่ 4 แล้วไปต่อรถบัสที่ Dong Seoul Bus Terminal สาย 3000, 3001 ลงสถานี Pocheon Intercity Terminal  จากนั้นต่อรถเมล์สาย 87, 87-1  ไปลง Pocheon Art Valley

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่    :  www.artvalley.or.kr 

Boss  Apple  Farm

ฟาร์มท่องเที่ยวที่ไม่ได้มีแค่การปลูกและขายแอปเปิ้ล  เพราะถ้ามาที่นี่เราจะมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆมากมายกลายเป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจกลับไปด้วย  เหมือนมาเดินเล่นในสวนบ้านเพื่อนอ่ะแก

เกิดมาก็เพิ่งจะเคยเห็นต้นแอปเปิ้ลเป็นครั้งแรก  คือต้นแค่นี้เองหรอวะทำไมขายแพงจุง >.<  แล้วก็ถึงเวลาที่จะรู้ว่าแอปเปิ้ลนั้นมันเก็บกันยังไง  ฮ่าๆๆ  ลงไปตะลุยดงแอปเปิ้ลกันดีกว่าเลือกลูกโตๆ สวยๆ ค่อยๆ บิดช้าๆ ง่ายนิดเดียวหม่ำกันสดๆ หวานมันกรอบชอบทุกคน ฮ่าๆๆ

มาทำกิจกรรมในร่มกันบ้างดีกว่า  เอ๊ะๆอย่าพึ่งคิดลึกซิ   เราแค่จะมาทำแยมแอปเปิ้ลเริ่มลงมือกวนส่วนผสมให้เข้ากันจนตักใส่โหลเลยหละแต่จะกินได้รึเปล่าไม่สนรู้แค่ว่ามันสนุกจังเลย >.<

ทำเสร็จแล้วยังหอบหิ้วกลับไปเป็นของฝากคนที่บ้านได้อีกด้วยมันฟินเวอร์ หรือถ้าขี้เกียจทำเขาก็มีแบบสำเร็จรูปขายนะจ๊ะ  อยากบอกให้รู้ว่าเกาหลีไม่ได้มีดีแค่สตอร์เบอรี่นะฮะ  เจ้าแอปเปิ้ลลูกกลมนี้ก็หวานกรอบอร่อยเด็ดไม่แพ้กันเลย

Boss Apple Farm  :  เปิดให้บริการทุกวัน  เวลา  09.00 – 18.00 น.         ค่าร่วมกิจกรรม  :  คนละ  15,000 วอน

การเดินทาง  : จากสถานี Dobongsan สาย 1, 7  ขึ้นรถบัสหมายเลข  72-3 ลงสถานี Pocheon City Hall  ต่อรถบัสหมายเลข 59 หรือ 138-6, 71-1, 71, 53, 60-1, 10, 89, 87-2  มาลงสถานี Geumjoo5ri,baekoju และเดินต่อมาประมาณ 10 นาทีจะถึง Boss Apple Farm

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่    :  www.bossapple.com

Herb  Island

Herb  Island  :  เหมือนหลุดเข้ามาในอาณาจักรสมุนไพรอ่ะ  ที่นี่จะมีหลายโซนมาก  เริ่มจะโซนพิพิธภัณฑ์พฤกษศาสตร์ที่มีสมุนไพรนานาชนิดให้เราเดินชมหรือนั่งพักผ่อนเพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์กันให้เต็มปอด

ต่อมาที่โซน Santa Village   ที่มีปติมากรรมซานตาคลอสอยู่รอบทุ่งลาเวนเดอร์  แต่ตอนที่เรามายังไม่ใช่ช่วงที่ดอกไม้บานจึงยังไม่เห็นความงามของทุ่งลาเวนเดอร์สีม่วง

จัดไอติมสีม่วงแทนและจินตนาการว่ากำลังหม่ำอยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์ แหะๆๆ  (เทศกาล Lavender Healing Festival  จะมีช่วงเดือนกรกฎาคมนะจ๊ะ)

บอกแล้วว่าที่นี่เขามีหลายโซน  เช่นถนนสายนี้ที่สร้างจำลองย้อนยุคกลับไปสมัยก่อน  ร้านยาสมุนไพร ร้านกาแฟห้องเรียนฯลฯ  และยังรวมภาพพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านของชาวเกาหลีเอาไว้ให้เราได้ซึมซับกลิ่นอายบรรยากาศสมัยก่อนหรือจะถ่ายรูปชิคๆ คูลๆ ก็ตามสบาย

ไฮไลท์ของที่นี่น่าจะเป็นอาคาร “ศูนย์สมุนไพร”  แหล่งรวมผลิตภัณฑ์ที่ทำจากสมุนไพรนานาชนิตอีกทั้งยังมีห้องสปาในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป  สำหรับหนุ่มสาวที่อยากจะมาขัดสีฉวีวรรณหรือผ่อนคลายด้วยการนวดอโรม่าก็ได้นะ  เสียดายที่วันนี้เรามีเวลาไม่พอไม่อย่างนั้นคงได้โดดลงอ่างไปนอนแช่ให้สบายอุราไปแล้ววว

ปิดท้ายกันด้วยกิจกรรมคูลๆ  ในโซน D.I.Y ที่เราสามารถทำผลิตภัณฑ์ต่างๆด้วยตัวเอง  เช่น สบู่ เครื่องสำอาง หมอน  เทียนหอม  ฯลฯ เยอะแยะมากมายบรรยายไม่หมดเลือกเอาตามใจชอบเลย  อุปกรณ์กับคนสอนมีครบและราคาก็ไม่สูงมากด้วย  เราเลือกทำหมอนกลิ่นลาเวนเดอร์เพราะกอดตัวเองเบื่อละ  เอ๊ะมันเกี่ยวกันปะเนี่ยฮ่าๆๆ  ไม่ว่าอะไรก็แล้วแต่พอได้ลงมือทำด้วยตัวเองแม้จะเล็กน้อยมันมีความสุขดีเนอะ

นอกจากที่เล่ามาทั้งหมดแล้วก็ยังมีโซนอื่นที่น่าสนใจอีกมาก  อย่างเมืองจำลองบรรยากาศประเทศทางแถบยุโรป  เรือกอนโดลาคล้ายกับเมืองเวนิช  น้ำพุเทรวี่  หมู่บ้านฝรั่งเศส ฯลฯ  บรรยายไม่หมดมาเที่ยวชมกันเองดีกว่ารับรองไม่ผิดหวังมีกิจกรรมสนุกๆ มากมายจนลืมเบื่อเลยหละ  มาเกาหลีครั้งหน้าอย่าลืมแวะมาทักทายอาณาจักรสมุนไพรแห่งนี้กันด้วยเน้อ

Herb Island  :  เปิดให้บริการทุกวัน  จันทร์ – ศุกร์  เวลา  10.00 – 18.00 น.  เสาร์-อาทิตย์  10.00 – 20.00 น.

บัตรเข้าชม  :  ผู้ใหญ่ 6,000 วอน, เด็ก  ผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป และคนพิการ 4,000 วอน, เด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี เข้าฟรี

การเดินทาง  :  เริ่มที่ Seoul Station  ขึ้นรถไฟใต้ดินสาย 1 สีน้ำเงิน  ไปลงสถานีโซโยซาน (Soyosan) ทางออกที่ 1 นั่งไปลงสถานีสุดท้าย  ออกมาขึ้นรถเมล์ฝั่งตรงข้าม สาย  57, 57-1, 57-2, 57-3, 57-4  ไปลงที่ป้าย  Herb Island

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่    :  www.herbisland.co.kr

DAY 3

Everland

สวนสนุกที่ใหญ่ที่สุดของประเทศเกาหลี  และได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 4  สวนสนุกยอดนิยมของโลกอีกด้วย

ภายในเอเวอร์แลนด์มีหลากหลายโซนไม่ว่าจะเป็นเครื่องเล่นหวาดเสียวอย่าง  T-Express  เจ้ารถไฟเหาะรางไม้ที่สูงที่สุดในโลก

สวนดอกไม้ที่มีความสวยงามผลัดเปลี่ยนกันไปตามฤดูกาลตลอดทั้งปี  หรือสวนสัตว์ซาฟารีที่มีเจ้าตัว Liger (ไลเกอร์)  ลูกผสมของพ่อสิงโตกับแม่เสือ เป็นแฝดไลเกอร์คู่แรกของโลกที่มีอยู่ในเอเวอร์แลนด์แห่งเดียวเท่านั้น  ที่สุดของโลกรวมอยู่ที่นี่ทั้งนั้นจะพลาดได้ไงกัน

ไปเดินเล่นชมสวนสนุกแห่งนี้กันดีกว่า

เอเวอร์แลนด์เป็นเมืองใหญ่ถ้าได้มาต้องยกเวลาให้ทั้งวันไปเลย  ในนี้มีทุกอย่างครบครันไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารหรือสวนดอกไม้สวยๆ ให้นั่งพักผ่อนหย่อนใจหลังจากเล่นเครื่องเล่นมาเหนื่อยๆ

นั่งชมขบวนพาเหรดที่มีตัวละครต่างๆมาเดินทักทายกัน  ที่นี่เหมาะกับทุกเพศทุกวัยและยังมาเที่ยวได้ทุกฤดูกาลอีกด้วย  มาเกาหลีเมื่อไรก็แวะมาเที่ยวได้ทุกรอบไม่มีเบื่อ

Everland  :  เปิดให้บริการทุกวัน  จันทร์-ศุกร์  เวลา  10.00-22.00  น.  / เสาร์-อาทิตย์  เวลา  9.30-22.00  น.

ราคาบัตร One-day Ticket  :  ผู้ใหญ่  54,000  วอน  :  เด็ก  43,000  วอนหลังเวลา 16.00 น.   :  ผู้ใหญ่  45,000  วอน  :  เด็ก  36,000  วอน  (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง)

การเดินทาง  :  ขึ้น MRT  สาย 2 (SinBundang) ลงสถานี Gangnam ทางออก 5,6  แล้วขึ้นรถบัสสาย 5002  หน้าร้าน Krispy  Kreme  หรือ ขึ้น MRT  สาย 2 หรือสาย 6  ลงสถานี  Jamsil  แล้วขึ้นรถบัสสาย 5700 หรือ นั่งรถบัสเบอร์ 66 จากสถานี  Suwon Station  มาลงที่เมือง Yongin  ต่อรถไฟฟ้าสาย Ever-Line มาถึงสวนสนุก Everland

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่    :  www.everland.com

See’s Coffee

สถานที่สำหรับคนรักกาแฟ  มาที่นี่เราจะได้เห็นและสัมผัสถึงวิธีการทำและลิ้มชิมรสชาติของกาแฟสดๆ และได้ชมการผลิตกันทุกขั้นตอนเลยทีเดียว

เดินมาจนถึงชั้นบนซึ่งตรงนี้หละที่เขาจะเตรียมอุปกรณ์ไว้ให้เราได้ลองบดคั่วเมล็ดกาแฟและดิฟออกมาเป็นกาแฟดำหอมฉุยให้ได้ลิ้มชิมรสชาติกันไป

มาต่อกันที่ชั้นบนสุดเป็นคอฟฟี่ชอฟที่มานั่งพักผ่อนหย่อนใจหรือนั่งทำงานก็ได้

แถมยังมีจุดชมวิวและภาพศิลปะให้เราได้ถ่ายรูปกันอีกด้วยว่าแล้วก็ขอสักแช๊ะละกันเนอะ  ^^

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่    :    www.seescoffee.com

 Flying Suwon / Suwon Hwaseong Fortress

Suwon Hwaseong  Fortress  :  ป้อมปราการฮวาซองสถาปัตยกรรมที่ยิ่งใหญ่และงดงามถูกสร้างขึ้นด้วยอิฐล้อมรอบเขตตัวเมืองซูวอนเอาไว้  และได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางด้านประวัติศาสตร์เมื่อปี ค.ศ. 1997  วันนี้เราจะไปชมความงามของป้อมฮวาซองจากมุมสูงด้วยบอลลูน (Flying Suwon)  ด้วยความสูงถึง 150 เมตร แค่คิดก็ขาสั่นแล้ววว  แต่จะพลาดได้ยังไงไม่ต้องไปไกลถึงตุรกีมาแค่เกาหลีก็มีบอลลูนให้นั่งแล้ว

มุมมองจากบนฟ้ามองเห็นป้อมปราการฮวาซองยาวไกลสุดสายตากับความยาวกว่า  5.7 กิโลเมตร

ไม่ใช่ว่าจะขึ้นมากันง่ายๆนะถ้าอากาศไม่เป็นใจมาถึงแล้วก็หมดสิทธิ์ได้เหมือนกัน  อยากเห็นภาพแบบเราครั้งหน้าก็ลองแวะมาลองเจ้า (Flying Suwon) กันนะจ๊ะ

Flying Suwon  :  เปิดให้บริการทุกวัน  เวลา  9.30 – 21.00  น.          

ราคาบัตร One-day Ticket  :  ผู้ใหญ่  18.000  วอน  :  เด็ก  15,000 

วอนศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่  :  www.flyingsuwon.com/

ในเกาหลีไม่ได้มีแค่กรุงโซล แวะมาเที่ยวคยองกีโดกันบ้างล่ะ อย่างไรก็ตามขอขอบคุณการท่องเที่ยวเกาหลี (Gyeonggi Tourism Organization) และ AirAsia Go อีกครั้งที่นึกถึงทีมพวกเรา พวกเราสนุกกันมาก และพี่ๆ ก็ดูแลพวกเราอย่างดีเลยทีเดียว หากเพื่อนๆ คนไหน ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมโดยตรงกับทาง การท่องเที่ยวของจังหวัดคยองจีโด สามารถเข้าไปศึกษาหรือสอบถามได้ที่ http://en.ggtour.or.kr/ หรือทางแฟนเพจเฟซบุ๊ค  www.facebook.com/GyeonggiDoKorea ได้เลยนะ แล้วเจอกันระหว่างทางจ้าาาา : )

Exit mobile version