Backpack ซีบู ฟิลิปินส์ 3 วัน 2 คืน ด้วยเงิน 5,000 บาท
เมิงงงงง เมิงเอ้ยยยย คือที่นี่ต้องบอกว่าเป็น Bucket list ของใครหลายคนมาก รวมถึงตัวไมเองด้วย ซึ่งการเดินทางครั้งนี้ ไมมีจุดประสงค์หลักๆ เลยคือ จะไปดูปลาฉลามวาฬ ปลาซาดีนเป็นล้านตัว และไปเล่น Canyoneering อ้าววว งง Canyoneering คืออะไร แต่เอาเป็นว่า มันสนุก บู้ และโหดเหี้ยมถึงใจสาวก Backpacker อย่างเราแน่ๆ
ซึ่งต้องขอเกริ่นก่อนเลยว่า ทริปนี้ ไมมีไม่มีการ booking ใดๆ ทั้งสิ้น ยกเว้นตั๋วเครื่องบิน ที่จองก่อนมาเพียง 1 เดือน จึงทำให้ตั๋วพุ่งพล่านเป็น 10,000 บาท แต่อย่าไปกลัว ถ้าเพื่อนๆ หาดีๆ จังหวะโดนๆ ตั๋วไปกลับ Cebu ราคา 3,000 – 5,000 บาท นั่นง่ายนิดเดียว รูปที่ถ่ายก็ถ่ายจาก iphone 6 และ Gopro 4 Silver และเรื่องสุดท้ายสำหรับกระทู้นี้ คือ เราไม่ได้เล่าเรื่องราวที่เราไปมาให้ฟัง แต่เราจะแนะนำว่า การเดินทางไปเที่ยวซีบูด้วยกิจกรรมต่างๆ ที่เรารู้และน่าสนใจในงบ 5,000 บาท ที่ใช้เวลาแค่ 3 วัน 2 คืนนั้น มันทำอะไรได้บ้าง จะ Solo ก็ได้ จะไปแบบ Buddy ก็ดี แต่สำหรับทริปนี้ เรามากันสองคนครับ เอาล่ะ ถ้าพร้อมแล้ว เริ่มต้นที่วันแรกของกระทู้นี้กันเลย
DAY 1
วันแรกไม่รู้ว่าเพื่อนๆ บินมากันอย่างไร สายการบินไหน แต่เราจะเผื่อเวลาให้ถึงซีบูสักตอนเที่ยงแล้วกัน หลังจากถึง Cebu พอออกมาจาก ตม. จะเจอคนขาย Prepaid sim หรือ sim internet ให้ซื้อไปเลยครับ เพราะยังไงเราก็ต้องใช้หาข้อมูล โทรติดต่อ หรือแม้กระทั่งโพสรูปลงเฟสบุ๊คเก๋ๆ อัพเดทแบบ Real time นั่นเอง
ซึ่ง Sim ที่ผมเจอก็จะมีรายละเอียดประมาณนี้ครับ
5 Days 4 Gb 300 Ps
7 Days 5 Gb 400 Ps
10 Days 10 Gb 600 Ps
โดยสำหรับพวกเรา ก็เลือก 5 Days 300 Ps เก๋ๆ ครับ ใช้ไปสิ 4 Gb 3 วัน ยังไงก็ไม่หมด ถึงหมดก็สามารถเล่นได้ต่อแบบ Unlimited 100 Mb ครับ แล้วยังสามารถโทรแบบ international ได้อีก 3 นาที โทรในประเทศเท่าไหร่จำไม่ได้ แต่นี่ก็โทรเยอะ ตังยังไม่หมดเลย
พอจะรู้เรื่อง Sim กัน แล้ว แต่ก็ยังงงๆ กับ Ps อยู่ใช่มั้ย ว่ามันคืออะไร Ps เป็นสกุลเงินของฟิลิปินส์ครับ ย่อมาจาก เปโซ ซึ่ง 0.69 บาทไทย = 1 เปโซนั่นเอง หรือถ้าจะคิดง่ายๆ ก็คือ 100 เปโซ เท่ากับ 70 บาทไทย เอาล่ะ การคิดเงินก็ง่ายนิดเดียว อย่างซิม 5 วันที่ซื้อมา 300 Ps ก็คิดง่ายๆ คือ เอา 300 x 7 ตัด 0 ออก 1 ตัว ก็จะได้ราคาไทยที่ต้องการ นั่นก็คือ 210 บาท เท่านั้น
ซึ่งหลังจาก Surfing internet ได้แล้วเนี่ย เราก็ต้องมาดูครับ ว่าเราจะเดินทางรูทไหน แต่ก่อนที่จะรู้ว่ารูทไหน เราต้องรู้ก่อนว่าเราจะไปเมืองหลัก ไหนบ้าง ซึ่ง สำหรับทริป 3 วัน 2 คืน ทริปนี้ เราจะไปที่ Oslob Batien และ Moalboal ครับ ซึ่งถ้าให้ผมแนะนำ ก็คงจะเริ่มที่ Oslob เลยแล้วกัน เพราะผมใช้รูทนี้ ฮาๆ
จากสนามบินไป Oslob ง่ายนิดเดียว เรียก taxi เลยครับ แต่การเรียก Taxi ต้องเดินออกมาจากบริเวณฝูงประชากรเหล่า Taxi 475 เปโซก่อนนะครับ (คือแท็คซี่เหมาเหมือนบ้านเรา) เดินออกจากสนามบิน เลี้ยวไปทางขวาแค่ 150 เมตร ก็จะหลุดจากตรงนั้น จะเจอ taxi meter ครับ บอกเค้าว่า ไป Southern Bus Station สำหรับการเดินทางจากสนามบินไปสายใต้ซีซุ ใช้เวลาประมาณ 40 – 60 นาที แล้วแต่สภาพจราจรครับ ค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ 200 – 230 เปโซ ถูกกว่าพี่แท็กฯ หน้าสนามบินตั้งครึ่งหนึ่งแหนะ พอเพื่อนๆ มาถึง Southern Bus Station ก็ไม่ต้องตกใจนะครับว่าจะไม่มีรถ เพราะรถไป Oslob ออกทุกๆ นาที ที่รถเต็ม ฮาๆๆ อันนี้คือไม่ได้มั่วนะ จริงๆ มันออกทุก 30 นาทีแหละ แต่ถ้าเต็มก่อน แม่งก็ออกก่อนเลย แล้วคือต้องบอกก่อนว่า ถนนที่ซีบูอ่ะ มีแค่ 2 เลนส์เท่านั้น ไม่ว่าจะไป Private car ตุ๊กๆ ซีบู หรือรถบัส ยังไงก็ถึงพอๆ กัน ฉะนั้น นั่ง Bus ไปเถอะ หลับสบายกว่าด้วย แล้วแถมถ้าชนกัน รถเราก็ใหญ่กว่าครับ ๕๕๕
จาก Southern Bus Station ถึง Oslob ใช้เวลาราวๆ 4-6 ชั่วโมงครับ แล้วแต่สภาพการจราจรเลย ซึ่งเค้าจะจอดให้เราตรง 7-11 ของ Oslob แล้วตรงนั้นเองคือ Bus Station ในการขึ้นรถหรือลงรถของเมือง Oslob เอาล่ะ หลังจากที่ลงมาเปิ๊บ จะเหมือนกับทุกที่ที่เราไปครับ คือจะมีคนเข้ามาหาเราเต็มเลย เพื่อที่จะมาเป็นไกด์ หรือไปส่งนั่นนู่นนี่ แต่ให้เดินออกไปครับ ให้เดินออกไปก่อน เพื่อให้ความวุ่นวายมันซาลง หรือจะพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส คือถามไปเลย ว่ามีรถมอเตอรไซต์ให้เช่าไหม เพราะยังไงเราต้องก็ต้องเช่าอยู่แล้ว โดยราคาเช่ามอเตอร์ไซต์ของซีบู มาตรฐานจะอยู่ที่วันละ 500 เปโซครับ หรือตีเป็นวันละ 350 บาทนั่นเอง ซึ่งยังไงก็คุ้มครับ แนะนำให้เช่ามอเตอร์ไซต์ ดีกว่าจ้างคนไปส่งครับ เพราะ oslob เราต้องไปอย่างต่ำ 3 ที่
หลังจากนั้นก็ต้องหาที่พักครับ ใครใคร่จองมาก่อนก็ได้ แต่ใครอยาก Walk in เหมือนเราก็จะเหนื่อนหน่อย แต่สนุกมาก เพราะจะได้เห็นที่พักหลากหลาย แล้วเอามาเปรียบเทียบกันแบบเห็นกันจริงๆ ซึ่งราคาที่พักที่ Oslob ตกอยู่ที่ห้องละ 1,000 เปโซเท่านั้น Hostel ไม่ค่อยมีนะ ส่วนใหญ่จะมีแต่ Guest House หรือโรงแรมเลย ซึ่งของเราพัก GT Hotel ครับ คืนละ 1,000 เปโซ หารกันสองคนคนละ 500 เปโซ แล้วก็เช่ามอเตอร์ไซต์กับเจ้าของโรงแรม วันละ 500 เปโซ พร้อมบอกว่าจะเช็คเอ้าท์เหลทนะ ฮาๆๆ
คือกว่าจะเคลียทุกอย่างเสร็จก็เย็นเลยล่ะครับ เรียกว่าไม่ได้ไปไหนกันสำหรับวันแรก แค่เดินทางก็เหนื่อยแล้ว อ่อ… สำคัญมากเรื่องนี้ เราไป Oslob เพื่อที่จะไปดูฉลามวาฬ แต่ไม่ได้ไปนอนแถวที่ดูฉลามวาฬนะครับ เพราะหาของกินยาก ให้พักในตัว Oslob นี่แหละ หาของกินง่าย และที่พลาดไม่ได้เลยคือ ป้ิงย่างข้าง 7-11 ครับ โหดมากกกกก คืออร่อยทุกอย่างเลย ทานกับข้าวเปล่า แล้วจิบกับ Samigel (เบียร์) คือฟินมาก แล้วอีกอย่างที่อร่อยคือ Fruite Shake ครับ แนะนำให้สั่ง Mango + Banana Shake รับรอง ฟินนนนน!!!
DAY 2
วันแรกคิดว่าเพื่อนๆ คงได้ข้อมูลเยอะพอสมควรแล้วล่ะ สำหรับวันที่เหลือต่อจากนี้ จะแนะนำแต่เพียงสถานที่ท่องเที่ยวเท่านั้นเน้อ ซึ่งจาก Oslob ยังยังบริเวณ Whale Shark Watching นั่นห่างกันเพียง 9 กิโลเท่านั้น และมีเวลาชมตั้งแต่ 6 โมงเช้า ถึงเที่ยงครับ ก็เลือกเลยว่าอยากไปเวลาไหน แต่สำหรับเรา เราแนะนำให้ไปตอน 8 โมง ถึง 10 โมงเช้านะ
ซึ่ง Whale Shark Watching เนี่ย ชาว Oslob เค้าให้อาหาร (แพลงตอน) เจ้าจุดเนี่ย เป็นเวลามาช้านานแล้วครับ ให้จนตรงนี้เป็นบ้านของมัน เหมือนมันรู้เวลาว่าช่วงเช้าของทุกวันจะมีคนมาให้อาหารมัน ณ บริเวณนี้ มันก็เลยมาตรงนี้ทุกเช้าของทุกวัน โดยหลังจากนั้นมา ทางหมู่บ้านก็คุยกันว่า ควรเปิดเป็นสถานทีท่องเที่ยว แล้วก็เป็นตามคาดครับ บูมอย่างต่อเนื่อง คือมีแต่คนแวะมาเมืองนี้เพื่อที่จะมาดูฉลามวาฬเท่านั้น
ซึ่งการดูแลของชุมชนที่นี่ เค้าก็ดูแลดีครับ เค้ารู้ว่าอะไรควรไม่ควร มีกฏข้อบังคับอย่างดี ว่าควรทำแบบไหน ไม่ควรทำแบบไหน ใกล้ได้ไม่เกินสี่เมตร บลาๆ ห้ามบินโดรน คือแบบกฏระเบียบ มีเยอะมาก แต่ก็เพราะต้องการจะอนุรักษ์ให้สิ่งแวดล้อม รวมถึงเจ้าจุดไม่หนีหายหรือจากไปครับ สถานที่นี่จึงถือเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่มหัศจรรย์ของโลกมากๆ มีที่ไหน พายเรือไป 30 เมตร ก็เจอปลาวาฬลอยขึ้นเหนือน้ำแล้ว
เอาล่ะ ไปต่อกันช่วงสายหลังจากไปว่ายน้ำดูฉลามวาฬครับ อ่อ… ลืมเลย สำหรับการดูฉลามวาฬราคาจะอยู่ทีคนะล 1,000 เปโซนะครับ มีชูชีพ หน้ากากดำน้ำให้ แนะนำให้เอาฟินไป แล้วก็สามารถไปซื้อบัตรได้หน้างานเลย ไม่ต้องจองหรือ Booking ใดๆ ทั้งนั้น ย้ำ ไม่ต้องจอง ให้มาซื้อที่หนางานเลย
ตัดมาอีกรอบที่กิจกรรมต่อไป หลังจากที่ดูฉลามวาฬเสร็จ เราจะพาเพื่อนๆ ไปชมความงดงามของ มัลดีฟซีบูกันครับ ซึ่งห่างจากท่าเรือไม่ไกลเพียง 15-20 นาทีเท่านั้น โดยการเดินทางนั้นง่ายมาก ไปตามคำว่า Blue water island หรือถ้าจะเอาตามสูตรเราคือไปที่ Amanis Resort ครับ แล้วบอกเค้าว่าขอ Join เรือไป Sumilan Island ซึ่งค่า Join ต่อหัวจะอยู่ที่ 500 เปโซเท่านั้น หรือหากไปสามคน เพื่อนๆ สามารถเหมาเรือแบบ Private ไปได้ที่ราคา 1,500 เปโซต่อละ เอาจริงๆ แล้ว เหมาลำไปเลยก็ดีนะ ฮาๆๆ แต่สำหรับทริปนี้ของเรา เรา Join เรือคนอื่น 500 เปโซครับ
15 นาทีต่อจากนี้เราก็จะได้เจอวิวแบบนี้ ซึ่ง เค้าไม่อนุญาติให้บินโดรน และเข้าไปในบริเวณโรงแรมนะครับ คือให้อยู่แค่ในบริเวณที่เค้ากำหนดเท่านั้น จะอยู่นานเท่าไหร่ก็ได้ แต่เราแนะนำให้อยู่ 1 ชั่วโมงพอ เก็บภาพมาให้ได้เยอะๆ นะครับ เพราะมันสวยมากจริงๆ ซึ่งก่อนที่เราจะลงจากเรือในตอนแรก เราก็ต้องนัดกับคนขับเรือครับ ว่าจะให้มารับเรากี่โมง คุยกันว่าสามารถเป็นไปได้มั้ย ถ้าเป็นไปได้ ก็สบายครับ
โดยการลงเกาะ Sumilon island นี้ เราจะต้องจ่ายค่าขึ้นเกาะ 50 เปโซต่อคนครับ จ่ายๆ ไปเหอะ แต่รับรองว่าคุ้มค่ามากๆ แล้วหลังจากที่เรากลับจาก Sumilon island ก็ให้ขับไปที่ Tumalog Falls ครับ ซึ่งเป็นอีกที่ Check in ก่อนที่จะออกจาก Oslob
Tumalog falls เป็นน้ำตกที่ถือว่าสวยมากๆ อีกที่หนึ่งเลย สูงมาก เหมือนเป็นละอองหล่นลงมาจากฟ้า แบบไม่มีวันขาดสาย เมื่อเราขับรถไปถึงก็ต้องจอดรถไว้ด้านนอกครับ เพราะเค้าไม่อนุญาตให้นำรถส่วนตัวเข้าไป เราจะเดินก็ได้ หรือจะใช้บริการมอเตอร์ไซต์คนท้องถิ่นก็ได้ คนละ 50 เปโซไปกลับ ขี้เกียจๆ อย่างเรา ก็จ่ายไปครับ 50 เปโซ ซื้อเวลไป ถึงแม้จะใกล้แค่ 500 เมตรก็ตาม แต่มันค่อนข้างชันพอสมควร และนี่คือ Tumalog falls ครับ
ช่วงบ่าย กลับมาทานข้าว เก็บของ Check out คืนรถ แล้วก็ลากกระเป๋าแบกเป้มารอรถหน้า 7-11 ครับ สำหรับบ่ายนี้เราจะเดินทางไป Moalboal กัน ก็เหมือนเดิมครับ รอรถมา ถ้ารถพัดลมจะถูกหน่อย รถแอร์แพงหน่อย แต่รอรถแอร์เถอะ เนอะ ๕๕๕ ซึ่งการเดินทางจาก Oslob ไป Moalboal จะต้องนั่งรถสองต่อครับ คือนั่งจาก Oslob ไปลง Bato แล้วจาก Bato ต่อไปยัง Moalboal ครับ ราคาตรงนี้ไมไม่ค่อยมั่นใจ แต่น่าจะไม่เกินคนละ 200 เปโซนะ ก็ใช้เวลาราวๆ 2-4 ชั่วโมงครับ ในการเดินทางจก Oslob ไป Moalboal
พอเราไปถึง Bus จะจอดที่จุด Bus Stop ด้านหน้าร้านขายยาครับ ใกล้ๆ กับสี่แยกกลางเมืองครับ เมืองนี้ค่อนข้างวุ่นวายมาก แต่เชื่อเถอะ ว่าคุณจะหลงรักเมืองนี้แน่นอน หลังจากที่ลงมา แนะนำให้หารถมอเตอร์ไซต์เช่าก่อนเลย ซึ่งราคาก็จะอยู่ที่วันละ 500 เปโซเหมือนเดิม และสำหรับที่พัก แนะนำให้ไปพักบริเวณ หาด Panagsama Beach ครับ ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นแหล่งของ Backpakcer อย่างเราๆ เลยล่ะ
และก่อนอื่นเราก็ต้องมีที่พักก่อนเลย ผมลองไปสำรวจมาแล้ว สำหรับที่นี่ ที่พักจะอยู่ที่คืนละ 2,000 เปโซครับ แต่ก็มี hostel นะ ตรงข้าม Cabana Hotel หัวละ 350 เปโซ สำหรับเราเราเอาของมีค่ามาเยอะมาก ทั้ง Drone และ Macbook เราเลยขอความปลอดภัย แต่ก็เลือกให้มันถูกลงหน่อย หาไปสามโรงแรมก็มาเจอที่นี่ครับ
June Dive Resort ที่นี่เป็นที่พักของชาวเกาหลี และมีทริปรวมถึงอุกรณ์ดำน้ำให้ได้ ห้องคืนละ 1,500 เปโซมีสองเตียง มีแอร์ ห้องน้ำในตัว และที่สำคัญ เป็นที่เดียวในซีบูที่มีบิงซูขาย สำหรับร้านอาหารก็แนะนำให้เดินไปจนสุดซอยครับ จะเจอร้านหนึ่งคนเยอะมาก ยังไงลองเข้าไปสั่งทานกันดู
หลังจากเก็บข้าวของแล้ว ก็เตรียมตัวแพลนทริปของวันพรุ่งนี้ครับ ทีเด็ดอยู่ที่ดำน้ำดูปลาซาดีน กับ Day trip Canyoneering ให้เพื่อนๆ เดินไปตามตรอกซอยบริเวณนั้นครับ ไปร้านไหนก็ได้ แต่ต้องได้ราคา 1,500 เปโซ สำหรับ Canyoneering ซึ่งราคานี้รวมอะไรบ้าง รวมรถรับส่ง รวมอาหารเที่ยง รวมอุปกรณ์ทุกอย่าง รองเท้า ชูชีพ รวมไปถึงไกด์หนึ่งคนครับ สำหรับ 1,500 เปโซนิโคตรคุ้ม แนะนำให้จองไปเลยสำหรับคืนนี้ ส่วนดำน้ำดูปลาซาดีน ไม่ต้องจองครับ ลงทะเลไป 20 เมตร แถวที่พักก็เจอแล้ว…
DAY 3
สำหรับวันนี้ตื่นเข้าหน่อย Canyoneering เค้าจะมีให้เราเลือก 2 รอบครับ คือรอบ 9 โมงเช้า กับ 7 โมงเช้า แนะนำให้เลือก 7 โมงเช้าครับ เพราะคนน้อย แล้วบอกเค้าไปเลยว่า ขอทำครึ่งวัน (คือมันไม่มีอะไรมากครับ สามารถทำครึ่งวันได้ แต่ที่เค้าให้ทำเต็มวันเหมือนแบบเลี้ยงลูกค้าไว้ หรือไม่วันนั้นลูกค้าเยอะ เค้าเลยเผื่อไว้ให้เป็น Day Trip นั่นเอง)
ก็ออกเดินทางไปจนถึงแหล่งมันครับ จากนั้น ก็จะนั่งมอเตอร์ไซต์เวียดนามขึ้นเขา อันนี้โหดอยู่ นั่งดีๆ จับดีๆ อันตรายพอสมควร สำหรับมอเตอร์ไซต์ไม่ต้องจ่ายนะ รวมอยู่ใน 1,500 เปโซแล้ว พอไปถึงก็จะต้องเดินเท้าไปอีกราวๆ 20 นาทีครับ แล้วเพื่อนๆ ก็จะถึงจุด Start ของ Canyoneering
Canyoneering เนี่ยเป็นจุดที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเมืองนี้ครับ เพราะมันคือการผจญภัยในป่ากลางแม่น้ำที่มีสีฟ้ามรกตสดใจ คือน้ำใส และฟ้ามากจริงๆ อารมณ์คล้ายๆ ลำคลองงู แต่ไม่ดิบเท่า ที่นี่ดูปลอดภัยกว่า แต่ก็ไม่มีอะไรที่น่าไว้ใจเท่าไหร่ เพราะสำหรับที่นี่ มีฐานวัดใจหลักๆ อยู่ 3 ฐานด้วยกัน
จุดแรกที่ผมเจอเลยคือ Rock Slider ครับ ตรงนี้มีที่เดียว ห้ามพลาดที่จะหันหลังลง (คือเอาหัวลงก่อนขานั่นเอง) หลังจากนั้นก็จะขึ้นมา Cliff jumping จุดแรกครับ เริ่มต้นกันด้วยความสูง 6 เมตร เก๋ๆ โดดไป ให้หายกลัวครับ
เดินมาเรื่อยๆ ก็จะมาถึงจุดขายไก่ย่างครับ จุดนี้แนะนำให้พักแดกไก่ทำใจก่อน ฮาๆ เพราะหลังจากนี้จะมีจุดโดดอีกสามจุดใหญ่ แดกเสร็จก็โดดเลยครับใช่ ตรงจุดโดดร้านปิ้งไก่นี่แหละ ที่เราต้องโดดลงไป ความสูงเพิ่มขึ้นมาเป็น 8 เมตร
โดดเสร็จก็ล่องมาเรื่อยๆ แล้วเดินป่าไปแบบเบื่อๆ อยากกลับบ้าน แต่มันพีคตรงนี้ครับ เพือนๆ จะเจอกับน้ำตกขนาดเล็กตัวที่หนึ่ง ซึ่งน้ำใสยังกะ Blue lagoon มันใสแบบ ขอโทษนะ ใสเหี้ยๆ คือเมิงจะใสไปไหนอิห่า จุดนี้เอง มีจุดกระโดด 10 เมตร แนะนำว่ สั ก ค รั้ ง ใ น ชี วิ ต ครับ จัดไป
บริเวณนั้นถ่ายรูปเยอะๆ นะ เพราะนำ้ใสสุดๆ แล้ว มันเคลียสุดๆ จากนั้นก็เดินมาเรื่อยๆ จนถึงจุด ห้ามกระโดดครับ มันจะเป็นน้ำตกใหญ่จุดที่สอง ความสูง 17 เมตร พ่อเมิงตายยยย แต่ๆๆๆ ให้เดินไปข้างๆ ครับ ตรงจุดเกินของน้ำตกเลย จะมีที่กระโดดอยู่ และจุดนี้เอง ที่เป็นจุดโดดสุดท้ายสำหรับรูทนี้ จุดนี้กระโดดตรงน้ำตกเลย สูง 15 เมตร เก๋ๆ โดดไปครับ โดดเสร็จ เค้าก็จะพาเราพักทานข้าวตรงนี้แหละ หลังจากทานข้าวเสร็จ ก็เดินไปต่อเรื่อยๆ ครับ ไม่ไกลนัก เพื่อนๆ ก็จะได้เจอกับน้ำตกในตำนาน น้ำตกที่เรียกแขกบ้านแขกเมืองมาเมืองนี้นั่นก็คือ kawasan falls ให้ตายเถอะ นี่เราอยู่ที่นี่จริงๆ หรอ ผมไม่รู้ว่า kawasan falls มีจุดกำเนิดมาจากห่าเหวอะไร แต่ก็จะ สิ่งที่ควรรู้คือ…
ตรงมุมถ่ายรูปจุดแลนด์มาร์คจุดนี้ เราจะต้องเช่าแพแบมบู หรือแพไม้ไผ่ครับ ซึ่งแพราคา 300 เปโซ จะไปกี่คนก็ได้ ตอนเค้าขาย เค้าก็จะขายแค่ 300 เปโซครับ ซึ่งเค้าจะแอบซ่อนการบวกขึ้นมาอีก 300 เปโซ จากคนขับเคลื่อนแพให้ ตอนผมไป จู่ๆ ก็บอกผมว่า 600 เปโซ ผมเลยบอกว่า หกร้อยเชี่ยอะไร ตอนกูคุยมา ข้างบนเค้าบอก 300 เมิงอย่าโกง จานั้นก็ยกควยใส่มั… อิสัส!! ตะกี้โม้นะครับ
ก็คือ พอเค้าบอกว่า 600 เปโซ ผมก็เถียงขาดใจดิ้น เอาจนเค้ายอมเลย ๕๕๕ สรุปวันนั้นจ่ายไป 320 เปโซครับ ยังไงก็ลองดูดีๆ นะ บอกเค้าว่า เอาแค่แพ คน Control แพไม่เอา เด่วกู Control เอง ฮาๆๆ ก็นั้่นแหละครับ จบแล้วสำหรับ Canyoneering
กลับมาที่ Panagsama Beach ครับ หาเช่าหรือถ้ายืมชุด Snorkeling ได้ก็ทำเลย แต่ผมเอา Fin ไปเอง เลยสบายหน่อย ลงไปที่หาด 20 เมตร จะเจอกับเหวใต้น้ำลึกมาก เราก็ดำอยู่บริเวณกึ่งๆ ตรงนั้นครับ ยังไงก็เจอซาดีนครับ ตอนผมไปเจอเต่าตลอดเลย แล้วคือซาดีนเป็นล้านตัวเลย จุดนั้นอยู่ได้เป็นวัน แนะนำโคตรๆ แต่….
สำหรับใครที่ดำน้ำลึกเป็น แนะนำให้อยู่ต่ออีกวันคับ ดำน้ำลึกที่ Moalboal รับรองว่าจะชอบ ซึ่งจุดดำน้ำของเมืองนี้จะอยู่ที่เกาะ Fisher man หรือถ้าภาษาบ้านเค้าคือเกาะ Pescardor Island นั่นเอง สามารถจองทริปได้ที่ไหนนะหรอ ก็คือ ที่ June Dive Resort เลยนั่นแหละครับ ฮาๆ
ขอย้อนกลับไปแป๊บหนึ่ง คือก่อนหน้านี้ผมเดินหามาหลายร้านแล้ว คือร้านอื่นแพงหมดเลย มีร้าน June นี่แหละ Work สุด และถูกสุด บวกกับเป็น เกาหลีด้วย คืออยากดำน้ำกับสาวเกาะหลี ๕๕๕ แต่นั่นก็ไม่ใช่ประเด็นเสมอไปครับ ที่นี่เค้าถ่ายรูปให้เราฟรีๆ อีกด้วย นอกนั้นก็จะมีอาหารกลางวันให้เราด้วย ถ้าเราจองตั้งแต่ 2 Dive เป็นต้นไป ซึ่งสำหรับที่นี่เค้าคิด Dive ละ 1,300 เปโซเท่านั้น แต่เอาเข้าจริงๆ สำหรับที่นี่ 2 Dive ก็เพียงพอครับ
เราควรจบทริปนี้ด้วยสถานที่ชิลๆ อย่าง White Beach ครับ ขับรถห่างจากตัว Moalboal ไปไม่ไกลมาก ราวๆ 15 นาทีครับ ก็จะเจอกับทางเข้า White Beach ซึ่งจะต้องเก็บค่าผ่านชุมมชนก่อน 10 เปโซ และเก็บค่าเข้าพื้นที่อีก 20 เปโซครับ และหลังจากเข้าไปที่ตัวหาด…
เพื่อนๆ จะเจอเต้นแคมป์ปิ้งอยู่เต็มหาดเลยครับ มีทั้งมานอนจริง แล้วก็เช่านอนชิลๆ รายวันครับ จุดนี้เอาโดรนบินขึ้นไปก็สวยงามพอสมควร และที่พลาดไม่ได้คือ สั่ง Samigel เย็นๆ มากินกับปิ้งย่างอุ่นๆ ดูพระอาทิตย์ตกดิน เป็นอะไรที่ฟินเกินจะบรรยายครับ
และนี่ก็คือสามวันใน Cebu ในแบบฉบับของผม หลังจากที่ทุกคนดำน้ำเสร็จ เก็บกระเป๋า แล้วก็ไปขึ้นรถบัสกลับซีบู เข้าสนามาบิน เตรียทมตัวบินกลับบ้านครับ เป็นไงกันบ้าง สำหรับรายละเอียดทริป ซีบู ในครั้งนี้ หวังว่าจะละเอียดพอสำหรับ Backpacker มือใหม่นะครับ แล้วเจอกันระหว่างทางครับ
:: follow us ::
Youtube : https://goo.gl/rVqoVe
Fan Page : https://goo.gl/kDE9eh
Facebook : https://goo.gl/S42XZq
Instagram : https://goo.gl/60tM0B
Twitter : https://goo.gl/wx2I34
Pinterest : https://goo.gl/P1FsxN
Google+ : https://goo.gl/uQrGS9
Website : https://www.palapilii.com/
#palapilii
#wanderlust
#YOLO