7 สิ่งมหัศจรรรย์ที่ได้รับ เมื่อกลับจากการแบกเป้ท่องโลก
จริงๆ บทความนี้แม่งยากนะ มันลึกซึ้งพอสมควร ถามว่าหลังจากที่เรากลับมาจากการท่องเที่ยวทริปสั้นๆ หรือยาวๆ ของเราในแต่ละครั้ง ความรู้สึกของพวกเรามันเปลี่ยนไปมั้ย? หรือแบบ ไม่รู้สึกอะไร งั้นๆ ผมว่าไม่น่าใช่ ทุกครั้งที่กลับมาจากการท่องเที่ยว ความรู้สึกเราจะเปลี่ยนไปจริงๆ บางทริป มันเหนื่อย มันทรหด แต่แม่งกลับมาทีไรก็อุ่นใจ มันแปลกแต่แม่งก็จริง ผมลองมาคิดเล่นๆ นะ ว่าการท่องเที่ยวแม่งมีผลกับการใช้ชีวิตเรามาก เรียกได้ว่าเปลี่ยนทัศนคติของหลายๆ คนเลยก็ว่า ได้ ลองมาดูดีกว่า ว่ามันเปลี่ยนชีวิตพวกเราไปในแนวทางไหนกันบ้าง และซึ่งบางที เราอาจไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ
1. คือเราก็รู้แหละ ว่าโลกแม่งใหญ่ แต่พอเราได้ลองออกเดินทางไปท่องโลกจริงๆ แล้ว เราจะรู้ว่าว่ามันไม่ใหญ่ธรรมดานะ มันใหญ่โคตรๆ เราจะรู้ว่าความจริงเราตัวเล็กนิดเดียวเมื่อเทียบกับโลกใบนี้ นั่นคือ เราไม่ได้สำคัญอะไรกับโลกนี้เลย คล้ายๆ กับว่าเป็นปรสิตเกาะโลกอยู่ไปวันๆ ถ้าโลกขาดเราไปซักคนหนึ่ง มันก็ยังคงหมุน 24 ชั่วโมงต่อวันเหมือนเดิม การแบกเป้กลับบ้านของเราในครั้งนี้ เลยรู้ว่า ชีวิตเราแม่งต้องรู้จัก “ปลง” เพราะทุกก้าวทุกครั้งที่เราทำพลาด นั่นหมายถึงชีวิต และทุกสิ่งทุกอย่างที่มันเกิดขึ้น มันย่อมดับลงไปตามกาลเวลาเสมอ ไม่มีอะไรที่ยั่งยืน #ความรักก็เช่นกัน
2. เรื่องการตัดสินใจรวมไปถึงความมั้่นใจในตัวเอง การตัดสินใจแบบกระชั้นชิดและชัดเจนจะอยู่ในตัวเราโดยที่เราไม่รู้ตัว และเราก็พร้อมที่จะยอมรับผลจากสิ่งที่เรากระทำและตัดสินใจลงไปในทุกๆ เรื่องนั้น หลังจากตัดสินใจไปแล้ว ทุกอย่างจะจบลง จะไม่มีมาคิดเล็กคิดน้อยว่า ไม่น่าไปทางนั้นเลย ไม่น่าพักที่นี่เลย ไม่น่ารักเมิงเลย บลาๆๆ และเราจะมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น ก็เพราะเราเคยทำ เคยเห็น เคยไปมาแล้ว มันเหมือนกับการเขียนรายงานที่มีเอกสารอ้างอิงดีๆ นี่แหละ แต่บางทีมากไปก็ไม่ดี ข้อนี้สำคัญมากๆ เหมือนมีอำนาจ แต่ควบคุมมันไม่ได้ ยังไงก็ระวังกันด้วย
3. ชีวิตเราจะไม่หยุดนิ่ง เพราะเราจะได้รับไอเดียดีๆ แรงบันดาลใจเจ๋งๆ จากเมืองที่แม่งเจริญกว่าบ้านเรา เราได้เห็นอะไรที่คนอื่นเค้าไม่มีโอกาสได้เห็น ได้ทำอะไรในสิ่งที่คนอื่นไม่ได้ทำ เรียกได้ว่าชีวิตเราเหนือกว่าคนอื่นมาก้าวหนึ่ง และซึ่งไอเดียและแรงบันดาลใจบางเรื่องตรงนั้น แม่งอาจสร้างธุรกิจ หรือกิจกรรมที่น่าสนใจให้ชีวิตเราเองได้แบบงงๆ เลยหละ ลองสังเกตุดู ความคิดเราด้านนี้จะเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด มันจะมีการเปรียบเทียบของบ้านเรากับของบ้านเค้าเกิดขึ้น
4. อาจจะดูว่าขี้งก แต่ประสบการณ์ และการได้ไปเรียนรู้อะไรแปลกใหม่ แรงบันดาลใจเจ๋งๆ นี่แหละ ที่จะทำให้เรากลับมาสร้างรายได้ให้กับตัวเองได้ ชีวิตจริงขับเคลื่อนด้วยความฝัน แต่เงินก็สำคัญไม่แพ้กัน เมื่อเรามีอะไรที่มันเหนือกว่าคนอื่น รู้มากกว่าคนอื่น เราสามารนำสิ่งนั้น มาสร้างเป็นธุรกิจเต็มตัวหรือพาร์ทไทม์ให้เราก็ได้ อย่างเช่น ผมเคยเห็นคนใช้สเปรย์ สเปรย์ภาพจักรยานบนถนนคนเดินที่นิวยอร์ค ผมปลื้มและประทับใจมาก คิดว่าซักวัน อยากเอาโชว์นี้ มาขายที่ตลาดนัดจตุจักรบ้าง อันนี้เคยคิดจริงๆ แต่ยังไม่มีเวลาทำ หรือจะเขียน pocket book ขายดีละ เห็นมะ สร้างรายได้ได้จริงๆ ถ้าไม่ขี้เกียจนะ ๕๕๕
5. เราจะกลายเป็นคนที่วางแผนได้ดีในระดับหนึ่ง เหมือนต้องทำอะไรซักเรื่องหนึ่งนี่แหละ แต่เราจะเห็นจุดเริ่มต้นและจุดจบอย่างรวดเร็วกว่าปกติ แล้วหลังจากที่แผนที่เราวางไว้มันสำเร็จ เราจะรู้สึกสะใจแบบสุดๆ ซึ่งหลักการที่เราเอามาใช้ก็เกิจากประสบการณ์ต่างแดนบวกกับไอเดียและแรงบันดาลใจเก๋ๆ ไง พอจับมันมายำรวมกันแล้วประยุกต์ใช้กับชีวิต โอ้ววว… ชีวิตแม่งมีความสุขสัสๆ
6. ความนอบน้อมถ่อมตนจะมาสิงในร่างเรา เราจะรู้จักเอื้อเฝื้อเผื่อแผ่มากขึ้น มีน้ำใจมากขึ้น รับ และฟังเหตุผลของคนรอบข้างมากขึ้น ที่สำคัญสุดๆ คือใจเย็นลง เราสามารถรอบางสิ่งบางอย่างที่เคยรอไม่ได้ เหมือนเราเข้าใจธรรมชาติมากขึ้น รู้ว่าทำไมมันถึงต้องรอ แล้วเรารอไปเพื่ออะไร
7. ที่ขาดไม่ได้เลยคือเพื่อนใหม่ เราจะมีเพื่อนเพิ่มมากขึ้นจากทั่วทุกจังหวัดในไทยหรือแม้กระทั่งทุกมุมโลก การมี connection เยอะๆ ในสังคมทุกวันนี้ ย่อมได้เปรียบ ทั้งในด้านหน้าที่การงาน และในทุกๆ เรื่อง ธรรมชาติบนโลกเกิดมาเพื่อพึ่งพาเหมือนสภาวะ Proto-operation ชีววิทยา สมัย ม.4 อยู่แล้ว อาจจะเหมือนไร้สาระ แต่แม่งช่วยได้จริง อันนี้คอนเฟิร์ม เหมือนจะไปเกาหลี เรามีเพื่อนที่เกาหลี เค้าแม่งยินดีต้อนรับ ค่าโรงแรมไม่เสีย บางมื้อเค้าก็เลี้ยง นิคือไม่ใช่เกาะแดกนะ แต่ถ้าเค้ามาบ้านเรา ไม่เจอกันนาน เราจะให้เค้าอยู่มั้ย เราจะไปเลี้ยงข้าวมั้ย ทุกอย่างแม่งคือเรื่องที่น่ายินดีทั้งนั้น
:: สำหรับผม มันก็มีประมาณนี้แหละครับ ที่คิดว่าเห็นได้แบบชัดเจนมากๆ มันอาจจะมีเยอะกว่านี้ ทั้งเรื่องสไตล์การแต่งตัวที่เปลี่ยนไป อาหารที่แบบแปลกใหม่หรืออะไรก็ตามแต่ แต่ผมว่า 7 สิ่งข้างบน แม่งโคตรมหัศจรรย์เลย ไม่เชื่อก็ลองแบกเป้ออกจากบ้านซัก 10 วันสิ แล้วจะรู้ว่าโลกแม่งขาดเราได้ แต่เราแม่งขาดโลกไม่ได้เลย สวัสดีครับ
content by : https://www.facebook.com/PalapiliiThailand