ที่นี่อยู่ปลายแหลมของหาดละไมที่มีโขดหินเรียงรายเต็มไปหมด ทรงหลังคาจะเป็นทรงไทยสีขาวเทา ค่อนข้างมีชื่อเสียง ด้วยโลเคชั่นที่ใกล้แหล่งสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังอย่างหินตาหินยาย หรือแม้กระทั่งเขาหินซ้อนที่กำลังดังอยู่ตอนนี้ ก็อยู่ปากทางเข้ารีสอร์ทเลย
หลังจากโควิดมา ที่นี่ก็กลับมาครึกครื้นอีกครั้ง ต้อนรับแขกด้วยห้องพักกว่า 49 ห้อง เข้าไปในตัวรีสอร์ทต้องบอกว่าร่มรื่นมาก Lobby อยู่ฝั่งซ้ายมือ ดูโอ่อ่า โล่ง โปร่ง สบาย แค่มุมนี้ก็ทำให้สบายตาได้เลย เสิร์ฟพร้อมกับผ้าเย็นหอม ๆ กลิ่นสมุนไพรไทย บวกกับน้ำมะพร้าวเย็น ๆ ก็คือฟิน
หลังจากยื่นบัตรประชาชนยื่นยันตัวตนว่าเราเป็นผู้จองมาจริง ๆ ก็จะมี Buggy พาเราไปที่ห้องครับ ซึ่งระหว่างการนั่งรถไป ทำให้รู้เลยว่า ที่นี่อาหาศดีแน่นอน ต้นไม้เยอะมาก และก็ไม่ใหญ่ไป สามารถเดินได้ไม่เหนื่อย
พนักงานแจ้งว่าที่นี่มีสระสองที่ มีโซน Garden บนตึกด้านบนที่เป็นห้อง type superior และ Deluxe ซึ่งห้อง Type นั้นเราอาจจะไม่ได้เข้าไปรีวิวให้เพื่อน ๆ ชมกันนะครับ เพื่อน ๆ สามารถเข้าไปชมภาพห้องเพิ่มเติมได้ที่ https://www.rockyresort.com ได้เลย
แต่ไม่ว่าจะพักห้องไหน Facilities ต่าง ๆ เราได้เหมือนกันหมดครับ ซึ่งครั้งนี้ ตัวผมเองพักห้องที่อยู่ตำแหน่งปลายสุดของโขดหินเบอร์ 333 เป็นห้องที่มีชื่อว่า “ Exclusive Beachfront with Plunge Pool “ นั่นเอง ห้องนี้ตกคืนละ 18,000 บาทต่อคืน
ตัวห้องคือใหญ่มาก ๆ มีพื้นที่ราว ๆ 65 ตารางเมตรจากสายตา มีห้องน้ำ แบ่งเป็นสัดส่วนได้อย่างน่ารัก ตัวห้องนอนกับห้องนั่งเล่น ถูกขั้นด้วยเก้าอี้นั่งสุดชิล
ด้วยความที่ห้องอยู่มุมสุด ทำให้กระจกเรามีรอบด้าน คือทั้งวิวทะเล สองฝั่ง ราวกับว่า ตัวห้องถูกยื่นออกไปริมทะเล แต่ก็ถูกเบรคด้วยต้นไม้ต้นใหญ่หน้าห้องพักเสียก่อน ซึ่งที่นี่ เค้าไมตัดต้นไม้เลย เริศ!!!
พวก Amenity ทุกอย่างกลิ่นดีมาก ๆ กลิ่นสมุมไพรไทยเหมือนเราเข้าไปสปาอย่างไรอย่างนั้น อุปกรณ์ทุกอย่างคือเนียบ รวมถึงเตียงและหมอนที่นอนนุ่มดูดวิญญาณสุด ๆ
พามาดูหน้าห้องกันครับ หน้าห้องเราจะมีปลายหินใหญ่เล็ก สามารถไปถ่ายรูปเล่นได้เลย ได้วิวดีอีกแบบ แล้วตอนเราไปเป็นชี่วงพระจันทร์เต็มดวง ทำให้น้ำลงเยอะมาก เลยเห็นซากสาหร่ายแข็งและคนหาหอยหาปูกัน
นอกเรื่องนิดหน่อย ทางนี้ชอบมะพร้าวที่เค้าเสิร์ฟมาก ๆ คือหอม สดชื่อน ปั้มแบรนด์ที่พักมา แล้วคือเฉือนตัวเปลือกให้เป็นที่วางช้อนสำหรับเฉาะเนื้อทานไปอีก เลิฟฟฟฟ!!!
มองไปไกล ๆ จุดนี้จะเห็นหินตาหินยายครับ ก็คือเรียกได้ว่า ใช้โดรนบินไปราว ๆ 500 เมตรในระยะกระจัด ก็ไปถึงหินตาหินยายเลย ซึ่งก็นะ ขอบินไปเก็บภาพหน่อย เอาจริง ๆ ก็คือหาดเราดู Private มาก ๆ เหมาะสำหรับคนที่จะมาพักผ่อนจริง ๆ
มาดูตัว Plunge Pool ของเราครับ Plunge Pool ที่นี่ เหมือนดูไม่มีอะไร แต่พอได้สัมผัสแล้ว เห้ย ทำไมมันเนียนนุ่มขนาดนี้ บวกกับวิวที่ใกล้ชิดธรรมชาติแบบนี้ด้วยแล้ว บอกเลยว่าฟินสุด ๆ แนะนำห้องนี้จริง ๆ เบอร์ 333 สำหรับวิลล่านะ
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าวิลล่าหลังอื่นจะไม่ดีนะ ครับ แต่ละหลัง ไม่ได้ถูกฟิกซ์ขนาดตายตัวเหมือนรีสอร์ทั่วไป ที่นี่เค้าสร้างตาม Shape ของพื้นที่ที่สามารถทำได้ เพราะฉะนั้นเวลาเราเดินผ่านวิลล่าอื่น จะเห็นเลยว่า สระน้ำไม่เท่ากัน ก็อันเนื่องมากจากพื้นที่ที่ไม่เท่ากันนี่แหละ
อ่อ… ทางผ่านบ้านเรามีบ้านหลังใหญ่ห้อง 888 อยู่ แต่ก็ไม่ได้เข้าไปดูนะ ต้องไว้โอกาสหน้า เอาล่ะ มาดูโซนสระกลางกันบ้าง
อย่างที่บอกว่าสระที่นี่มีโซน Garden แล้วก็โซน Sea View ครับ ซึ่งเรามาอยู่ Sea View เสียส่วนใหญ่ มาทะเลจะเข้าป่าก็กะไรอยู่ ที่สำคัญตรงจุดนี้ เป็นโซนห้องอาหาร และบาร์ริมหาดอีกด้วย
ตัวบาร์เค้าจะมี Happy Hour ซื้อ 1 Free 1 ในช่วง 5 โมงเย็นด้วยนะ เด่วพวกโปรโมชั่นพวกนี้ต้องเข้าไปอัพเดทตอนช่วงที่เพื่อน ๆ ไปอีกทีนะครับ เพราะอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเลย
แต่รู้แค่ว่าตอนเราดื่มและชิลกันบริเวณสระ หมดไปราว ๆ 10 แก้วครับ บรรยากาศดี ดื่มอะไรก็อร่อยครับ และดีไปหมดเลย ส่วนสำคัญที่ทำให้ทุกอย่างมัน Flow คือพนักงานครับ พนักงานที่นี่ดูแลและเทคแคร์ดีมาก
เอาล่ะ ขอย้อนภาพมาช่วง 6 โมงเย็น ช่วนทางอาหารเย็นหน่อย ต้องบอกว่าที่นี่มีไลน์อาหารเยอะสุด ๆ เลยนะ แล้วที่สำคัญคือราคาไม่ได้แรงจนเกินเบอร์เมื่อเทียบกับอาหารที่ได้
และนี่คือหน้าตาอาหารที่เราสั่งครับ หน้าทานมาก ๆ ใช่ไหม โดยแต่ละเมนู พี่ ๆ พนักงานเค้าเป็นคนแนะนำเลยนะ เค้าจะเชียร์ตัวที่เราทานแล้วไม่ผิดหวัง ถ้าตอนเพื่อน ๆ ไปแล้วคิดอะไรไม่ออกจริง ๆ ก็บอกรายละเอียดสิ่งที่เราอยากลิ้มลองได้เลย เดี๋ยวพี่ ๆ เค้าจะแนะนำอาหารที่มีให้เราเลือก
เอาล่ะ ตกกลางคืน น้ำเริ่มขึ้น เพื่อน ๆ สามารถไปชิลเอ้าท์ริมหาดด้านล่างได้อีก ส่วนตัวสุด ๆ เลย แล้วที่คำคัญ ตกดึก ที่นี่เงียบมาก ๆ จะได้ยินแต่เสียงน้ำทะเลซัดเข้ามาที่ฝั่ง ถ้าแรงเหลือ ก็ชิลเอ้าท์กันต่อที่สระส่วนตัวหน้าห้องเราได้ ไม่ติด
ซึ่งพวกเราก็อยู่กันยาวมาก ๆ และก็ปล่อยตัวสุด ๆ เลย วันนั้นฝนตกด้วยแหละ คนไม่ค่อยลงมาเล่นที่สระและหาด พวกเราก็ตัวเปียกปอนกันแล้ว เลยไม่ได้กลัวเปียกขนาดนั้น เลยเละ ตามสภาพ ๕๕๕
มาดูไลน์อาหารเช้ากัน อาหารเช้าที่นี่ มีทั้ง Buffet และ A la carte ครับ ผมชอบแทบจะทุกเมนู Buffet line ก็อร่อย A la carte ก็อร่อย พี่ ๆ เค้าแนะนำ French Toast และ Egg Signature ของที่นี่ครับ ใช่ เราเชื่อ และสั่งมา
อันอื่น ๆ ก็จะเป็นก๋วยเตี๋ยวที่อยากทานแก้แฮ๊งค์เมื่อคืน สรุปสุดท้าย ทั้งไลน์อาหาร และรสชาติอาหารก็คือดีหมดเลย และต้องขอโทษเพื่อน ๆ ด้วยที่ไม่ได้ถ่ายรูปไว้เยอะ ตอนเช้ามันงง ๆ หิว ๆ เลยจัดหนักจนลืมถ่ายเลย
และนี่คือประสบการณ์ Veeranda Collection ของพวกเราครับ แนะนำให้อยู่กันอย่างต่ำสัก 2 คืนนะครับ อย่างพวกเราคือ รีบไปรีบกลับ เพราะต้องไปทำงานที่อื่นต่อ แต่หวังว่า Content นี้จะเป็นตัวช่วยในการเลือกที่พักที่นี่ได้ไม่มากก็น้อย แล้วเจอกันระหว่างทางครับ