จอดข้างทาง
:: ทริปนี้จะใช้เวลาราวๆ 4 คืน 3 วันครับ
คืนแรก : เลิกงานแล้วรีบเดินทางจาก กทม. – ทางเข้าเขื่อนฯ (กุ้ยหลินเมืองไทย)
วันแรก : ทัวเขื่อนรัชประภา + บึง 500 ไร่ + ถ้ำปะการัง + เล่นน้ำหน้าที่พัก
คืนที่สอง : Party Killer + Palapilii shot
วันที่สอง : คายัคช่วงเช้า สายๆ ไปกุ้ยหลินเมืองไทย ตกบ่ายเดินทางไปพะงัน
คืนที่สาม : Full Moon Party
วันที่สาม : ทัวร์เกาะพะงัน + paradise water falls + หาดแม่หาด
คืนที่สี่ : เดินทางกลับ กทม. ไปถึงตอนเช้าทำงานต่อ
:: การเดินทางไปเขื่อนรัชประภาง่ายมากๆ ครับ (ในกรณีนี้เราจะเดินทางโดยรถประจำทาง)
โดยการเดินทางจะต้องเดินทางในช่วงเย็นหรือหัวค่ำ เพื่อให้เราไปเช้าในวันรุ่งขึ้นที่นู้น
ให้เลือกขึ้นรถทัวร์ปลายทางภูเก็ตหรือพังงา แล้วบอกพี่พนักงานว่าขอลงปากทางเข้าเขื่อนรัชชะประภา
บริเวณ อ.บ้านตาขุน การเดินทางใช้เดินทางประมาณ 10 ชั่วโมง
ราคาค่าโดยสารขึ้นอยู่กับมาตรฐานของรถ เริ่มตั้งแต่ 600 จนไปถึง 1,000 บาท
:: จากสายใต้ใหม่ รถออกเวลา 19.30 น. มาถึงปากทางเข้าเขื่อนรัชประภาราวๆ 6 โมงเช้า
เราใช้วิธีพูดคุยกับชาวบ้านและโบกรถ เพื่อขอให้พี่ๆ เข้าไปส่งเราในตัวเขื่อน ชาวบ้านที่นั่นใจดีครับ
แต่ถ้าหากทำวิธีข้างบนไม่ได้ ก็ให้นั่งวินเข้าไป ราคาจะอยู่ที่คนละ 150 บาท
หรือจะเหมารถบริเวณนั้นเข้าไปก็ได้ แล้วต่อรองราคากันหน้างานกันเองเลย ราคาอยู่ที่ประมาณ 300 บาท
:: โชคดีของเรา ที่มีพี่ใจดีให้นั่งหลังกระบะเข้ามาในเขื่อน และมากไปกว่านั้น
พี่เค้าบอกว่า ถ้าชมวิวในตัวเขื่อนเสร็จเมื่อไหร่ ก็โทรมาแล้วกัน พี่จะไปส่งที่ท่าเรือ
ระหว่างทางเข้าเขื่อนหมอกลงจัดมากครับ อากาศดีโคตรๆ จากปากทางเข้ามายังตัวเขื่อน
มีระยะทางราวๆ 12 กิโลครับ แนะนำให้เข้าไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
เพราะบรรยากาศตอนเช้าที่ตัวเขื่อน มันเหมือนสวรรค์ เหนือคำบรรยายจริงๆ
:: ไม่ช้าไม่นานเราก็มาถึงสันเขื่อนแล้วครับ ต้องบอกว่าวิวสวยโคตรๆ อย่างที่เค้าพูดกัน
ทริปนี้เราเลือก Package 2 วัน 1 คืน จากบริษัทๆ หนึ่งครับ เค้านัดเราที่ท่าเรือประมาณ 10 โมงเช้า
ก็เลยถือโอกาสนี้ใช้เวลาอยู่ที่นี้ประมาณ 2 – 3 ชั่วโมง พักผ่อนหย่อนใจหลังจากการเดินทางในช่วงแรก
(บริเวณตัวเขื่อน กับท่าเรือจะอยู่คนละที่กันครับ ห่างกันราวๆ 2 – 3 กิโลได้)
:: Package ทัวร์กุ้ยหลินเมืองไทยมีหลายแบบมากๆ ครับ มีทั้งแบบ 2 วัน 1 คืน และ 3 วัน 2 คืน
ซึ่งราคาก็จะแตกต่างกันไปตามมาตรฐานของที่พักนั้นๆ เพื่อนๆ สามารถหาข้อมูลการจองได้ทาง google
เพื่อเอามาพิจารณาและตัดสินใจว่าจะเลือกไปกับของทัวร์ไหนดี ทั้งนี้ทั้งนั้น ควรจองก่อนไปครับ : )
:: เมื่อถึงเวลาอันสมควร เราก็ติดต่อพี่คนนั้นให้ขึ้นมารับเราครับ เราเก็บกระเป๋าแบกขึ้นรถ
และก็นั่งกินลมชมวิวไปประมาณ 5 นาที ก็มาถึงท่าเรือ ไม่ช้าไม่นานก็เจอกับพี่สาวคนสวย
เรานัดกันไว้ที่ศาลา 6 เหลี่ยมบริเวณท่าเรือ Package ที่เราเลือกจากบริษัทนี้อยู่ที่ 1,900 บาท/คน
ต้องโอนมัดจำครึ่งหนึ่งมาก่อน 50% และที่เหลือก็มาจ่ายกันหน้างานก่อนขึ้นเรือครับ
เมื่อเคลียร์ค่าใช้จ่ายกันเสร็จเรียบร้อย ทริปนี้ก็จะเริ่มต้น… อย่างเป็นทางการ : )
:: พี่เค้าบอกว่า จากท่าเรือไปที่พัก ใช้เวลาราวๆ 50 นาที แต่เพื่อนๆ ครับ
ผมเชื่อว่าเพื่อนๆ ก็ต้องคิดเหมือนกันกับผมแน่ๆ เพราะ 50 นาทีนี้
มันจะเป็น 50 นาทีที่โคตรมีความสุขเลย วิวสองฝั่งแบบเจ๋งมาก
ผมไม่คิดว่าเมืองไทยจะมีอะไรสวยงามขนาดนี้ให้ได้ชื่นชมมาก่อน
50 นาทีในตอนนั้น จึงเหมือน 15 นาที ในการเดินทางเข้าที่พักไปโดยปริยายย…
เมื่อถึงที่พัก ก็จะมีพี่ๆ ทีมงานมาต้อนรับและนำเราไปที่ห้องพัก
เราแบกกระเป๋าไปเก็บเก็บในห้องพัก และเตรียมจัดบุฟเฟ่ต์ในช่วงเที่ยงกันให้หนักที่สุด
ต้องบอกว่าในราคา 1,900 บาท ถือว่าห้องพักนี้ดีพอใช้ได้เลย ห้องใหญ่ นอนอัดได้กัน 8 คน
ส่วนห้องเล็กก็นอนอัดกันได้ 4 คน ในห้องมีผ้าห่ม หมอน ผ้าเช็ดตัวให้ครับ ไม่มีแอร์ มีแค่พัดลม
ห้องน้ำแยก ต้องใช้รวมกัน แต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไรกับเรานะครับ ที่พักในคืนนี้สำหรับผม
ถือว่าสวยกว่าที่ผมคิดก่อนมาเอาไว้เยอะพอควร บวกกับบรรยากาศรอบข้างดีซะด้วย
แต่ด้วยความเหนื่อยหล้าบวกกับความตื่นเต้น ผมเลยไม่ได้เก็บภาพมาฝากแม้แต่ภาพเดียว
และภาพข้างล่าง คือที่พักของพวกเราในค่ำคืนนี้ครับ : )
บึง 500 ไร่
พอเรือไปถึง ก็จะจอดไว้ที่หน้าทางเข้า แล้วให้เราเดินเท้าเข้าไปในป่าอีกราวๆ 3 กิโลเมตร
แต่เป็น 3 กิโลเมตรที่ขึ้นๆ ลงๆ ครับ ๕๕๕ เอาเป็นว่า อาจมีการเสียเหงื่อเกิดขึ้น
เมื่อไปถึงอีกฝั่งหนึ่ง ก็จะเป็นบึง 500 ไร่ ที่ถูกล้อมรอบไปด้วยภูเขาสูงเต็มไปหมด
ข้างในจะมีบ้านพักสำหรับเจ้าหน้าที่อยู่ประมาณ 4 – 5 หลัง และมีศาลาสำหรับให้นักท่องเที่ยว
นั่งรอคิวเรือที่จะนำพาทุกคนไปยังถ้ำปะการัง สถานที่อีกที่หนึ่งที่เป็น point สำคัญของที่นี่
เรานั่งแพไม้ไผ่ติดเครื่องยนต์เข้าไปประมาณ 1 กิโลเมตร ก็จะถึงทางเข้าปากถ้ำปะการัง
:: ถ้ำปะการังมีขนาดไม่ใหญ่ไม่กว้างมากครับ เป็นถ้ำปิดแต่ไม่มีค้างคาว
ข้างในก็จะมีหินงอกหินย้อยเหมือนถ้ำทั่วไป สำหรับผมถ้ำแห่งนี้ไม่ได้อลังค์การอะไรขนาดนั้น
อาจเป็นเพราะ ผมเคยไปมาหลายที่แล้ว เลยไม่รู้สึกตื่นเต้นกับสิ่งที่ได้เห็นเท่าไหร่
แต่สำหรับเพื่อนๆ ที่ไม่เคยเข้าถ้ำ อาจจะตื่นเต้นอย่างมากก็เป็นได้
เพราะข้างในมืดมาก ต้องใช้ไฟนำทางไปชมสิ่งสวยงามข้างในตามจุดต่างๆ ดูน่าสนุกดีมั้ยหล่ะครับ : )
ล้อมด้วยภูเขาแต่ลอยอยู่เหนือน้ำ
มีขอนไม้ให้พักเหนื่อยไม่ไกลมาก ถามว่าน้ำลึกมั้ย ตอบได้เลยว่า “ลึก” โคตร
น้ำที่นี้ใสจนถึงขั้นเขียวครับ ทางที่พักมีคายัคให้พายเล่นด้วย แต่ต้องมัดจำไม้พาย
ราคามัดจำไม้พายอยู่ที่ 500 บาท พายเสร็จเอาไม้พายมาแลกตังค์คืนได้
เราใช้ชีวิตกันอยู่ที่นี่กันอย่างมีความสุขสุดๆ กันไปเลย พูดแล้วก็อยากกลับไป > <
บางอย่างเติมได้ไม่อั้น บางอย่างมาได้แค่รอบเดียว เช่น ปลาทอดน้ำปลาเป็นต้น
เราทานข้าวกันอย่างเอร็ดอร่อยท่ามกลางบรรยากาศที่โคตรชิว หลังข้าวเย็น
เรามีนัดเล่นเกมส์ และนั่งดริงส์ชิวๆ ริมน้ำกันครับ เพื่อนๆ ลองคิดถึงบรรยากาศสิ
มันฟินส์มากๆ จนไม่รู้จะอธิบายออกมาเป็นภาษาไทยยังครับ ๕๕๕
:: ที่นี้เค้าต้องใช้เครื่องปั่นไฟครับ ฉนั้นไฟจะดับในตอน 5 ทุ่ม
และจะเปิดให้ใช้งานอีกทีตอน 6 โมงเย็นวันพรุ่งนี้ ใครจชาร์จอะไรก็ต้องรีบทำเวลากัน
หลัง 5 ทุ่มเป็นต้นไป พี่ๆ เจ้าหน้าที่เค้าก็จะเอาตะเกียงมาให้บ้านละหลังครับ
จึงทำให้เพิ่มบรรยากาศในการปาร์ตี้เล็กๆ ของเราในคืนนั้นอย่างสุดๆ ไปเลย
ปล.บางทีมันกุสุดจนกระทั่งไม่มีอารมหยิบกล้องขึ้นมาถ่าย แม้แต่รูปเดียว เสียดายๆๆ > <
กุ้ยหลินเมืองไทย
ตื่นมาดูความงามของธรรมชาติที่หยิบยื่นมาให้เรา ตื่นมาฟังเสียงน้ำกระทบเขาและหินปูน
ตื่นมาฟังเสียงนกร้องที่บินจากเขาอีกลูกไปอีกลูก ตื่นมาใช้ชีวิตราวกับเราเป็นสิ่งมีชีวิตอยู่ที่นี่
:: หลังจากที่ฟินกันสุดๆ ในวิวและบรรยากาศตอนเช้า ก็ถึงเวลาเก็บข้าวของเตรียมย้ายตัวออกจากสถานที่แห่งนี้
เราทานข้าวเช้ากันก่อนไปจุดสำคัญของที่นี่ เรือล่องไปเรื่อยๆ ท่ามกลางบรรยากาศที่เย็นสบายกว่าเมื่อวาน
:: และไม่นาน เราก็มาถึงสถานที่ที่เรียกว่า ” กุ้ ย ห ลิ น เ มื อ ง ไ ท ย ”
เยี่ยมสมุย ลุยพะงัน
ต้องบอกก่อนว่าเรามาเที่ยวครั้งนี้ไม่มีการจองอะไรที่แน่นอนเลย
สิ่งที่จองมีแค่สามอย่าง คือตั๋วขามา ตั๋วขากลับ และอิ Package ที่นี่นิแหละ
หลังจากนี้ คือการ Backpack ล้วนๆ เมื่อเรามาถึงท่าเรือ
เราก็ตามหารถที่จะไปส่งเราที่ท่าเรือดอนสัก (เรากำลังจะไป Fullmoon Party)
หาไปหามา ก็ได้รถตู้ VIP มาราคา 2,000 บาท หลังจากปรึกษากัน
ก็พอใจกับราคานี้ และก็ตกลงเดินทางไปกับเค้าอย่างไม่รอช้า…
เราก็ไปหาซื้อตั๋วเรือโดยสารจากดอนสัก ข้ามฟากไปพะงันครับ
ราคาตั๋วจะอยู่ที่ 210 บาทต่อคนต่อเที่ยว ใช้เวลาราวๆ 2 ชั่วโมงครึ่งในการเดินทาง
เมื่อไปถึงเกาะพะงันก็จะมีรถตู้รับเราไปยังจุดต่างๆ ครับ ซึ่งราคาก็จะแปะไว้กับป้ายเลย
จุดนี้ไม่มีทางถูกโกงแน่นอนครับ ให้จำไว้ว่า จากท่าเรือไปบริเวณหาดริ้น
ค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ 100 บาทต่อคนครับ หลังจากหารถได้ ก็เดินทางไปแถวๆ หาดริ้น
เมื่อถึงหาดริ้นก็ต้องเดินทางหาที่พักครับ เรื่องที่พักในพะงันต้องบอกว่าแพงมากๆ
ถ้าจะจองเพียงแค่ 1 คืน เราไม่สามารถจองได้ การจองที่พักในพะงันต้องจองอย่างต่ำเป็นเวลา 2 – 3 คืน
แต่เราจะนอนเพียง 1 คืน จำเป็นต้องเดินหาเอา ระหว่างที่เดินหา ใจก็ดลให้ไปเจอกับที่พักใกล้ๆ 7-eleven
คุยกันไปคุยกันมาตกลกราคานอน 10 คน 2 ห้องเหมาจ่ายทั้งหมด 3,500 บาท ซึ่งถือว่าถูกมากๆ
หลังจากได้ที่พัก ก็เก็บข้าวเก็บของและก็เดินลงไปหา Prop มาแต่งตัวสำหรับ Full Moon Party คืนนี้…
:: ของที่นี่แพงหมดครับ ไม่ว่าจะเป็นข้าว ผลไม้ เหล้า บลาๆๆ
สิ่งสำคัญที่สุดที่จะทำให้เราอยู่รอดได้ที่ในราคา Backpacker คื 7-Eleven
เรากินข้าวกันที่นี และก็เผาหัวกันที่นี่ ก่อนที่จะลงไปเจอศึกหนักหน้าหาดข้างล่าง…
Full moon Party
ถ้าเป็นไปได้อยากให้ไปกันก่อนแต่งงาน ยิ่งไปกับแก๊งค์สนิทของคุณๆ ได้ยิ่งดี แล้วมันก็เริ่มขึ้น!!!
วีดีโอประกอบบางส่วนบ่ ว ง ไ ฟhttps://www.facebook.com/video.php?v=789676894459425&set=vb.339207546173031&type=3&theaterม า กั บ ไ ฟhttps://www.facebook.com/video.php?v=791017134325401&set=vb.339207546173031&type=3&theaterห ลุ ด
https://www.facebook.com/video.php?v=738858282863360&set=vb.100002175868580&type=3&theater
อ ยู่ ยั น เ ช้ า
https://www.facebook.com/video.php?v=792433274183787&set=vb.339207546173031&type=3&theater
1. ถ้าเป็นผู้ชายอย่าใส่เสื้อเลย แต่ถ้าจำเป็นต้องใส่ ให้ไปหาซื้อเสื้อในงาน ตัวละ 100 – 200 บาท
2. ไม่ควรใส่รองเท้าแตะแพงๆ ไป ถ้าเป็นไปได้ ถอดมันไว้ที่ห้องก่อนไปงาน
3. ควรเผาหัวที่ 7-Eleven ก่อนที่จะไปซื้อเหล้าถังกินในงาน
4. เหล้าถังในงานราคาต่ำสุดอยู่ที่ 250 บาท จนไปถึง 400 บาท เอาแบบพอเหมาะ
5. ควรซื้อสีน้ำและพู่กันก่อนไปงาน และแต่งแต้มเติมสีให้เข้ากับบรรยากาศซะนะ
6. ห้ามพลาดการโดดเชือกไฟ และสไลด์เดอร์น้ำ
7. เวลาเที่ยงคืน ห้ามพลาดการจุดอักษรไฟ Fullmoon Party
6. ควรอยู่ยันเช้า
สรุปค่าใช้จ่ายช่วงที่สอง
รอบเกาะ
ตื่นมาก็ลุยต่อเลยครับ ฝากเพื่อนไปซื้อมาม่ามาให้ให้ห้างแฮ๊งค์
กินเสร็จก็เก็บข้าวเก็บของ Check out ออกจากที่พัก
และก็นั่งรถสองแถวไปที่ บขส. พะงัน ครับ (จุดจอดรถบัส)
ช่วงบ่ายเราจะไปทัวร์รอบเกาะกัน ผมมีแผนที่อยู่ใบหนึ่ง
และก็ข้อมูลท่องเที่ยวพะงันอีกใบ หลังจากสอบถามคนพื้นที่
คำนวณเวลาและพิจาณากับเพื่อนๆ เอาหล่ะ เราจะไปน้ำตกและไป relax ริมเลกัน : )
เราใช้เวลาอยู่ที่นี่กันพอสมควร น้ำเย็น อากาศดีมากๆ
พูดถึงเรื่องรถมอไซต์ เราเช่ามาคันละ 200 บาทเองครับ
แต่ที่แพงคือค่ามัดจำ แม่ม มัดจำคันละ 3,000 บาท โอ้วแม่เจ้า ๕๕๕
:: ออกมาจากน้ำตกเราก็ขับรถเล่นวนไปเรื่อยๆ ครับ บรรยากาศดีมาก
จอดแวะที่นั่นที่นี่ อันไหนดีก็จอดนานหน่อย อันไหนไม่สวย ก็ขับผ่าน
ขับไปขับมาจนมาถึงสถานที่แห่งนี้ ” ห า ด แ ม่ ห า ด ”
:: ผมไม่คิดว่าพะงันจะมีอะไรที่คล้ายๆ ทะเลแหวกหรือหาดนางยวนแบนนี้ด้วย
มันดูสวยงามอย่างประหลาด ผมอดไม่ได้ที่จะดับรถย์แล้วเดินลงไปเพื่อเอาเท้าไปสัมผัสกับเม็ดทรายที่นั่น
มันสวยงามและมหัศจรรย์มากครับ เราใช้เวลาอยู่ที่นี่นานมาก ก่อนที่จะขับรถวนรอบกลับไปที่จุดจอดบัส
รถออกจากเกาะเวลาห้าโมงเย็นครับ เราไปถึงทันพอดี เป็นเวลาที่เหมาะเจาะมากๆ
ทริปจบลงอย่างสมบูรณ์ ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเจ็บช้ำน้ำใจแต่อย่างใด เราเสียพลังไปเยอะกับทริปนี้
แต่เราก็ได้พลังงานบางอย่างจากทริปนี้เยอะเหมือนกัน สุดท้ายนี้ เรื่องราวทั้งหมดจะอยู่ในความทรงจำของผมตลอดไป…
สรุปค่าใช้จ่ายช่วงสุดท้าย
:: หมายเหตุ – ค่าใช้จ่ายทุกอย่างเราหาร 10 คนตลอดนะครับ
reviewed by : https://www.facebook.com/PalapiliiThailand
— ขอบคุณครับ —