สวัสดีครับเพื่อน ๆ ผม “ไม” จากเพจ PALAPILII นะครับ ช่วงนี้ต้องบอกเลยว่าสถานการณ์บ้านเราและทั่วโลกไม่สู้ดีเท่าไหร่ ไหนจะเศษรฐกิจ ไหนจะ COVID-19 แต่เชื่อว่าอีกไม่นานนี้จะดีขึ้น และก็ไม่อยากให้เพื่อน ๆ กลัวและระแวงจนไม่เป็นอันทำอะไร เพราะเราสามารถท่องเที่ยวโดยอยู่ในพื้นฐานของความปลอดภัยได้
ทริปนี้จะพาเพื่อน ๆ ขับรถเล่นไม่ใกล้ไม่ไกลกรุงเทพฯ ราว ๆ 2 ชั่วโมงด้วยรถส่วนตัว โดยตารางทริปนี้ของเราก็จะประมาณนี้
DAY 1
05:00 – ล้อหมุนจาก กทม.
08:00 – ดำน้ำตื้นแสมสาร
12:00 – ทานอาหารทะเลติดหาด
13:00 – Summer Stay Café
15:00 – Papa Beach Café
17:00 – Tutu Beach Café **Sunset View**
DAY 2
09:00 – Half Day Trip by mamybooking [Parasailing – Sea walker – Jet ski – Banana Boat – Koh Larn]
15:00 – Sea Food Club บางแสน
ดูผ่าน ๆ ข้างบนเหมือนทริปจะแน่นนะ แต่พอลองทำจริง ๆ ชิลมากเลย โดยเฉพาะตอนนั่งลอย ๆ อยู่แต่ละคาเฟ่ ชิลสุด บรรกยากาศ ผู้คน ดนตรี และเครื่อดื่ม เรียกได้ว่า หลับได้เลยนะเอาจริง เอาล่ะ มาเริ่มวันแรกกันเลย
DAY 1 – SAMASARN 1st TIME
วันแรกเราเดินทางไปที่ท่าเรือหมาจอครับ จองทริปผ่าน Mamybooking ในราคา 3,500 บาท นั่งได้ 6 คน ถ้าไปเพิ่มก็คิดเพิ่มหัวละ 600 บาท ต้องบอกก่อนเลยว่า แสมสารถือเป็นจุดดำน้ำตื้นใกล้กรุงฯ ที่สวยและสมบูรณ์ที่สุดแล้วในขณะนี้
เราเดินทางไปที่จุดนัดพบ รับอุปกรณ์ต่าง ๆ และนั่งรถพ่วงข้างไปที่ท่าเรือ เรือแล่นออกจากฝั่งเพียง 15 นาที ก็ถึงจุดดำน้ำจุดแรก ซึ่งต้องเกริ่นไว้ก่อนเลยว่า แสมสารเนี่ย เป็นเกาะที่ห้ามคนขึ้นเกาะนะ เพราะเต่ามักจะขึ้นมาวางไข่ และการที่เราขึ้นไปบนหาด อาจไปรบกวน และทำลายรังไข่ของน้องเต่าโดยไม่รู้ตัว ทั้งนี้ทั้งนั้นพื้นที่ดังกล่าวอยู่ภายใต้การดูแลของกางทัพเรือครับ
จุดดำน้ำที่นี่จะมี 3 จุดหลัก ซึ่งจุดแรกจะตื้นที่สุด ส่วนสองจุดที่เหลือจะค่อนข้างลึก เพื่อน ๆ ที่มีฟินสามารถพกมาได้เพื่อความสะดวกและรวดเร็วในการดำน้ำ จุดแรกที่ไป Highlight คือฝูงปลาเป็นร้อย ที่ว่ายหล่ายล้อมเรา เป็นอีกจุดที่นักท่องเที่ยวหลายคนตั้งใจมาถ่ายรูปคู่กับน้องปลา
ในจุดที่สองจะมีกองน้องนีโม่สองสามกอง เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวชอบมาก ๆ เลย น้องนีโม่จะอยู่ลึกไปราว ๆ 3-5 เมตรแล้วแต่ระดับของน้ำทะเลในแต่ละช่วงเวลา ทริปทั้งทริปนี้ ไกด์และทัวร์ของ mamybooking เค้าจะถ่ายรูปให้เราฟรี ๆ เลยล่ะ พอเสร็จจากทริป เค้าก็จะอัพลง Drive และให้เรา Load ได้ตามสบาย
นอกจากน้องนีโม่แล้ว จุดนี้ก็มีปะการังสวยงามเยอะเต็มไปหมด แต่คงสู้จุดสุดท้ายไม่ได้ เป็นจุดที่สวยที่สุดในบรรดาสามจุดนี้ จุดที่สามจะมาปลาดาว กัลปังหา นีโม่ หอยมือเสือ น้องเม่น ปลาหลากหลายชนิด ปะการังหลากหลาย และอีกมากมายที่ต้องไปเห็นด้วยตาตัวเอง
บอกเลยว่าจ่ายคนละ 600 บาท แล้วมาเจออะไรประมาณนี้คือคุ้มมาก ไกด์ทุกคนดูแลดี เป็นกันเอง บนเรือมีเครื่องดื่มให้เราดื่มฟรีตลอดทริปด้วยนะ จบทริปใช้เวลาราว ๆ 2-3 ชั่วโมง ก็ถึงฝั่ง ให้ทิปน้อง ๆ ไป 200 บาท สบายใจ
หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่จุดนัดพบ ขับออกมาหน่อยก็จะเจอร้านอาหารทะเลสด ๆ ขายเรียงรายเต็มไปหมดเลย เลือกเอาสักทีครับ ไม่ขอแนะนำร้านใด ร้านหนึ่ง อยากให้ช่วยกันกระจายรายได้ให้ชุมชน สุดท้ายไปเจอร้านหนึ่ง เป็นร้านหลืบ ๆ หน่อย ทางเข้าเล็ก ๆ แต่พอเข้าไปถึงตัวร้านต้องร้องโหวเลย
ร้านเป็นระเบียงยื่นออกไปกลางทะเล วิวทะเลสวยมากกกกกก มองสุดลูกหูลูกตา เราสั่งอาหารมา 5-6 อย่าง ด้วยความหิว บางอย่างทานได้ บางอย่างก็ทานไม่ได้ ร้านนี้แม่ครัวติดหวาน กินไปมองหน้ากันไป นี่เลยไม่อยากบอกชื่อร้านไง เอาเป็นว่าไปหากันเองเอง ส่วนเรื่องราคาเจ้านี้ ก็ปานกลาง ไม่ถูก ไม่แพง แต่ถ้าถามว่าควรเข้ามากินอีกไหม บอกเลยว่า ครั้งเดียวพอแล้วนาจา เอาล่ะ ไปที่อื่นกันต่อดีกว่า ยังมีอีกหลายที่ที่อยากแวะ
ทานข้าวเที่ยงกันเสร็จแล้ว ก็ขับเข้าไปในเมืองสัตหีบ มีคาเฟ่สไตล์ Tropical เก๋ ๆ ให้เราได้ไปสั่งอาหารและเครื่องดื่มคลายร้อน นั่งตากแอร์เย็น ๆ และถ่ายรูปเล่นกับคาเฟ่ เก๋ ๆ
ที่นี่คือ Summer Stay ครับ หน้าร้านคือเป็น Background ถ่ายรูปที่ดีมาก และพอเข้าไปด้านในก็พบว่าถูกจัดตกแต่งด้วยความเรียบง่าย minimal หน่อย ๆ แต่ปนความติดเกาะเข้ามาด้วย
ภายในร้านมีเสื้อผ้า รวมถึงชุดว่ายน้ำสตรีแขวนขายด้วย เป็นชุดเก๋ ๆ น่ารัก ที่ไม่ใช่ว่าจะหาได้ที่ไหน เพราะเสื้อผ้าที่ขาย ดูจากดีไซน์แล้ว รับเข้ามา support กับสไตล์ร้านสุด ๆ
เรื่องอาหารการกิน ราคากลาง ๆ รสชาติไม่ได้แย่ เค้กอร่อย ชาเฉย ๆ แต่พวก smoothies นี่สิ ดีจริง ๆ สดชื่นแบบตื่นเลย หรืออาจจะเป็นเพราะเราหนีร้อนมานะ อันนี้เพื่อน ๆ ก็ต้องไปลองกันเอง
ถัดมาคือ Papa Beach ห่างจาก Summer Stay ราว ๆ 20 นาที ทางเข้าร้านคือหลืบมากนะ เปิด google map แล้วต้องขับดี ๆ ด้วย พอเข้าไปถึงต้องร้องว้าวเลย เพราะที่จอดรถกว้างใหญ่มาก และหน้าร้านก็ดูดีมาก ผู้คนแต่งตัวกันแบบจัดเต็มเหมือนมีงานอะไรสักอย่างข้างใน แต่…
เปล่าเลย เค้าแต่งตัวมาชิล มาถ่ายรูปกับคาเฟ่นี่แหละ คาเฟ่พึ่งเปิดได้ไม่นาน ตกแต่งด้วยฟาง และไม้โทนสีน้ำตาลอ่อน ๆ และปูนทาสีขาว กระเบื้องโทนอุ่น ทางเข้าร้านมีป้ายร้านขนาดใหญ่ให้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกก่อนเข้าไป ก่อนที่จะไปเจอโถงทางเข้าต้อนรับราว ๆ 20 เมตร ที่ทำไว้ดีมากกกกก ลองไปดู
เข้าไปถึง Counter รับแขก ก็ต้องจองคิวก่อนนะ ไม่ใช่ว่าจะเดินดื้อ ๆ เข้าไปนั่งได้เลย เพราะคนเยอะมาก โชคดีที่คิวไม่ได้นานอะไรมากช่วงที่เราไป รอราว ๆ 5-10 นาทีก็ได้โต๊ะแล้ว
เข้าไปข้างในคือเหมือนอยู่อีกเมือง ไม่เหมือนอยู่พัทยา มีโต๊ะนั่งเต็มไปหมด ถัดมาเป็นบาร์ ถัดมาเป็นโซนตาข่ายรังนก เป็นบีนแบ็ค เป็นสระ เป็นโซนนั่งเก๋ ๆ อีก คือจุดถ่ายรูปเยอะแยะเต็มไปหมด และช่วงที่คิดว่าสวย ๆ ก็คือช่วงที่เรามานี่แหละ 4 โมงเย็น แสงกำลังดีเลย และจะสวยอีกทีก็ตอนอาทิตย์ตกดิน
จุด Highlight ที่นี่คือเค้าเลียนแบบรังนกจากบาหลี เอามา Settle ไว้ แล้วก็ตกแต่งร้านสวย ๆ เรียกแขก อาหารเราไม่ได้สั่งเลย เพราะทานกันมาแล้ว เลยสั่งของหวานไป และต้องบอกว่า Toast ที่นี่ดีมาก ต้องลอง
มานั่งเฉย ๆ ก็ไม่ได้ ก็จัดเครื่องดื่มกันสักหน่อย เผอิญ Hoegaarden มาจัดบูธ และมีการบริการปริ้นภาพลงบนฟองเบียร์ด้วย โดยการสั่ง 2 pins เพื่อแลกกับแก้วที่จะได้ปริ้นท์ภาพลงฟอง 1 แก้ว ถามว่าเราเอาไหม ก็นี่ไง ด้านล่างเลย
อ่า… ก็พอหอมปากหอมคอนะ เพราะเราจะไปชมพระอาทิตย์ตกต่ออีกคาเฟ่หนี่ง ซึ่งคาเฟ่นี้ เชื่อว่าหลายคนต้องเคยเห็นผ่าน Feed กันมาบ้างแล้ว นั่นก็คือ Tutu Beach ที่ตกแต่งในโทน Bean bag สีชมพูนั่นเอง
ห่างกันไม่นานเลยครับผู้อ่าน ราว ๆ 15 นาทีก็ถึงเลย แล้วนี่พึ่งรู้ด้วยว่าอยู่ใกล้พัทยาใต้นิดเดียวเอง ทางเข้า และทุกอย่างเหมือนย้อนกลับไป Papa Beach เลย ลึกลับ และที่จอดรถกว้างมาก พอเข้าไปก็ไปจองคิว แต่ที่นี่นานหน่อย รอราว ๆ 30 นาทีกว่าจะได้นั่ง
ภายในร้านตกแต่งเหมือน summer Stay แต่เปป็น Summer Stay ที่ติดหาด บวกกับเบาะนั่งและร่มทุกอย่างเป็นสีชมพู บรรยากาศดี คนมาเยอะมาก จุดถ่ายรูปไม่เยอะเท่า pap Beach แต่ผมชอบที่นี่มากกว่า
ข้าง ๆ มีเครื่องเล่นกิจกรรมทางน้ำเพียบเลยนะ ก็ถือว่าเป็นจุดชมวิวอีกแบบหนึ่งไปเลย ตัวร้านปกคลุมด้วยต้นสนด้านข้าง เราไม่ได้สั่งอาหารเลยอ่ะ แต่เราสั่งแอลมาดื่มกัน แล้วก็สั่ง Signature จากทางร้านมาลองทานด้วย ชื่อว่า Pink Sunset อะไรสักอย่าง
ตัวเครื่องดื่มรสชาติจะคล้าย ๆ ไหมไท แล้วหั่นแอปเปิ้ลสดผสมเข้ามา บอกเลยว่าหวานมาก คือมันดี มันอร่อย ช๊อตกำลังได้ แต่คือกลัวอ้วน ๕๕๕๕๕ เราก็อยู่กันตรงนี้จนพระอาทิตย์ตกดินเลย และนี่ก็คือกิจกรรมวันแรกของพวกเราครับ
ในส่วนของอาหารเย็น ที่พัก เราขอไม่พูดถึงแล้ววกัน แต่เพื่อน ๆ สามารถหาที่พักผ่าน agoda ได้ เพียงกดเข้าไปที่ลิ้งค์นี้เลย https://invol.co/cllwfy มีให้เลือกหลากหลายเจ้า เพราะเค้าดีลที่พักไว้เยอะ ครอบคลุม และรบบการจ่ายเงินมีหลากหลายช่องทางด้วย สำหรับคืนนี้ ฝันดีครับ
DAY 2 KOH LARN AGAIN
เมื่อวานสนุกมากนะ ชอบ นี่อยากไปดำน้ำอีก แต่ก็ไม่ได้หรอก เพราะว่าวันนี้เราจอง Half Day Tour ผ่าน mamybooking มาในราคาคนละ 2,300 บาท มาดูกันดีกว่าว่าราคานี้ รวมอะไรให้แล้วบ้าง
- Private Speed Boat
- Parasailing
- Sea Walker
- Jet Ski
- Banana Boat
- Lunch
- Guide
- Haad Ta wan Koh Larn
บ้าบอ นี่พอมาลิสต์ดูว่าได้ไปไหน ทำอะไรบ้าง คือคุ้มมากเลย ยังไงลองเข้าไปดูรายละเอียดตามลิ้งค์นี้
เรานัดเรือไว้ตอน 9 โมงเช้าครับ เรือจะจอดที่หาดตรงข้ามกับพัทยาซอย 11 เราสามารถเอารถเข้าไปจอดที่ทิพย์พลาซ่าได้ราคา 40 บาท จุดนั้นมีที่อาบน้ำด้วย คนละ 20 บาท แต่ไม่สะอาดเท่าไหร่ แต่เอาล่ะ ยังไงก็ต้องจอด และยังไงก็ต้องอาบหลังจากกลับมาขึ้นฝั่ง
ไกด์เดินมาต้อนรับเราขึ้นเรือ สภาพเรือค่อนข้างเก่า แต่ถือว่าใช้ได้ ไม่แย่มาก เพียง 5 นาทีเท่านั้น ก็ถึงโป๊ะกลางทะเลหน้าหาดพัทยา เราขึ้นไปได้สักพัก ก็ต้องงง เพราะทุกอย่างเร็วมาก จู่ ๆ มีเรือใหญ่แล่นมาจอดหลังเรา แล้วคนเป็นร้อย พี่ ๆ พนักงาน parasailing เลยบอกว่า น้องเร็วหน่อย คนกำลังมา
แกถามว่าจะลงน้ำด้วยไหม (ลอยไปแล้วเอาขาจุ่มน้ำ) เราก็บอกว่าเรา เพื่อน ๆ เราพากันใส่ชุดเซฟตี้อย่างรวดเร็ว (เค้าใส่ให้) แล้วจู่ ๆ ก็ร่อนขึ้นไปแบบงง ๆ
บ้าบอ ถ่ายก็ไม่ทัน และแถมไม่ให้เอากล้องขึ้นไปถ่ายด้านบนอีก เอาล่ะ ก็เพื่อความปลอดภัย และไม่เป็นตัวอย่างให้กับนักท่องเที่ยวคนอื่น ๆ เราเข้าไปประจำตำแหน่ง ใส่ชุดเซฟตี้ เดินไปตรงลานร่อน ตีนเปล่า ร้อนสัส พนักงานจับใส่กับร่มร่อ… สัส!!!!!
บินแล้ว บินแล้ว แล้วจู่ๆ เรือก็ลดความเร็ว จนขาเราจุ่มน้ำและลงไปถึงเข่านิดหน่อย ก็พาเราลอยขึ้นฟ้าเลย โห้วววววววว ว้าววววววววววว สนุกมากกกก แม้จะเคยเล่นมาแล้วที่ banana beach ภูเก็ตก็เถอะ แต่ที่พัทยา ข้างบนเย็นดีครับ ทุกคนจะได้เล่นเพียง 3 – 5 นาทีเท่านั้น สำหรับผม มันค่อนข้างปลอดภัยนะ หายห่วงเลย ส่วนใครที่กลัวความสูง ยังไงลองดูสักครั้งครับ ไม่เสียหาย
ถัดจากโป๊ะ Parasailing นั่งเรือต่อไปราว ๆ 10 นาทีก็ถึงเกาะล้านครับ จุดนี้เรายังไม่ขึ้นฝั่ง แต่ไปขึ้นเรือที่หนึ่งที่ขายทริป Sea Walker อยู่ หลาย ๆ คนสงสัยแน่นอน ว่า Sea walker คืออะไร
ก่อนที่เราจะโขว์ภาพ เราขออธิบายคร่าว ๆ ว่า มันคือการลงไปใต้น้ำ กึ่งฟรีดำ กึ่ง Scuba เป็นอะไรที่ไม่เหมือนสักอย่างในที่พูดมา ตึ่งโป๊ะ แล้วมึงจะพูดเพื่อ คือกูจะอธิบายยังไงดี เอาเป็นว่า มันคือการที่มึงเหมือนเอาหมวกอวกาศมาคลุม แล้วก็ลงไปใต้น้ำลึกราว 5 เมตร คือหมวกมันมีกาศด้านใน ก็เกิดแรงดัน ไม่ให้น้ำเข้าไป แล้วหมวกของเราคือต่อสายออกซิเจนไว้ด้วยนะ อธิบายไปเยอะ ไม่รู้รู้เรื่องหรือเปล่า หรือเห็นภาพหรือเปล่า แต่เอาเป็นว่า ให้ภาพอธิบายแทนเลยละกัน
เป็นไงกันบ้าง อารมณ์มันก็จะประมาณนี้นะ คือเราเดินเล่นบนหาดทรายใต้น้ำได้เลย ยังไงลองไปเล่นดูนะ ซึ่งจากจุดนั้น ก็ติดกับหาดตาแหวนแล้วล่ะ จุดนี้เองพอเราซื้อ Half Day Trip มา เค้าจะ support เครื่องเล่นทางทะเลหน้าหาดให้เราด้วยนะ คือเล่นไปหลายรอบเลย ทั้งบานานาโบ๊ท และสกี
ที่ตื่นเต้นคือสกีครับ เพราะนี่โตมาจะ 30 แล้ว ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ได้ลองขับ สนุกมาก แปลกดี ถ้ามีโอกาสครั้งหน้า คิดว่าไม่พลาดอีกแน่นอน แล้วคือคนดูแลเค้าก็ใจดีด้วย ใจเย็น ค่อย ๆ แนะนำตอนขับ
เกาะล้านมาทีไรไม่เคยผิดหวังเลย หาดยังสวย ทรายขาย ทะเลยังใสเหมือนเดิม ครั้งนี้แม้ไม่ได้ทัวร์รอบเกาะ แต่ได้มาแวะที่หาดนี้หาดเดียวก็ชื่นใจแล้ว
อย่างที่บอกว่า package นี้รวมอาหารเที่ยงครับ อาหารพอทานได้ ไม่หวือหวา หรือน่าทานขนาดนั้น รสชาติพอได้ ทานเสร็จก็นั่งเรือกลับขึ้นฝั่งเลย
ขึ้นฝั่ง อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วรันต่อไปจุดสุดท้ายของทริปเลยครับ นั่นคือ Sea Food Club บางแสน เป็นร้านอาหารทะเลปนคาเฟ่ที่ hot hit สุด ๆ ณ เวลานี้
ทางเข้าเหมือนทุกที่อีกแล้ว คือต้องเข้าไปตามซอยเล็ก ๆ และพอไปถึงลานจอดคือรถเยอะมาก และคนก็แต่งตัวกันเต็มมาก ที่นี่จะเป็นไสตล์บาหลีไปเลย และมีการเอาบอร์ดเซิร์ฟมาตกแต่งด้วย บอกเลยว่าเปิดดูราคาอาหารแล้วพอก่อน น่าทานมาก แต่พอก่อน งือออออออออออ
แต่สุดท้ายก็มาจบกันที่แอบเหมือนเดิม คือบังเอิญมาก ไปเจอพี่ ๆ ที่จุดบูธเมื่อวาน เค้าก็มาจัดต่อกันที่นี่อีก อะไรมันจะบังเอิญขนาดนั้น ครั้งนี้จัดไปเลย 5 แก้ว ฟรี 2 พร้อมผ้าพันคอหนึ่งผืน
คือบรรยากาศดีจริง คนเยอะจริง และคือ ถ่ายรูปสวยได้เยอะเลย เราอยู่กันไม่นานครับที่นี่ ไปให้พอรู้ และนี่คือจุดสุดท้ายของทริปสองวันหนึ่งคืนของเรา คิดว่าเพื่อน ๆ น่าจะเอาไปเป็นไกด์ไลน์ได้ จะลดตรงไหน เพิ่มตรงไหน ทำได้หมดเลย สำหรับเรา พอแค่จุดนี้ เพราะเผื่อเวลาขากลับไว้ด้วย ยังไงไว้เจอกันระหว่างทางครับ
สรุปรายจ่ายหลักที่สำคัญ
ค่าทริปดำน้ำแสมสาร คนละ 600 บาท
ค่าที่พัก คนละ 300 บาท
ค่าทัวร์ Half Day Pattaya Activities คนละ 2,500 บาท
ค่าน้ำมันคนละ 200 บาท
นอกนั้นค่ากิน และเบ็ดเตร็ดตามสไตล์ครับ