ทริปครั้งนี้พิเศษหน่อยตรงที่การท่องเที่ยวมาเลเซียแห่งประเทศไทยเค้าเชิญเพจเราให้ร่วมกิจกรรมไปกับงาน MALAYSIA ASEAN TOURISM INFLUENCERS KEY OPINION LEADERS PROGRAMME (MAIKOL 2019) ซึ่งก็จะรวมประเทศเพื่อนบ้านฝั่งอาเซียนทั้งหมดมาร่วมชะตาชีวิตกัน ไม่ว่าจะเป็น เวียดนาม อินโอฯ ลาว อินเดีย พม่า หรือมาเลเซียเอง ก็มาจอยทริปกับเราทริปนี้ด้วย
กิจกรรมนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยถ้าไม่มีผู้สนับสนุนใจดีอย่าง AirAsia, Tourism Malaysia และ Sunway Group ไม่ว่าจะเป็นตั๋วเครื่องบิน ที่พัก และกิจกรรมรวมไปถึงอาหารมื้อต่าง ๆ ทางมาเลเซียเค้า Support เราไว้หมดแล้ว เพียงแค่ให้เราไปผจญภัยกับสิ่งที่เค้าจัดเตรียมมาให้ (ไม่หมด) เท่านั้นเอง
ที่วงเล็บคำว่า “ไม่หมด” ไว้เนี่ย เพราะเมื่อเราบินไปถึงก็ถึงกับสตั๊นไปสามวิฯ เค้าจะจับสลากเมืองให้เรา ว่าเราจะได้ไปเมืองอะไร แล้วให้งบเราคนละ 1,500 MYR เพื่อให้เราเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางที่ถูกจับไว้ให้ และแน่นอนครับ ตามหัวเรื่องของรีวิวนี้เลย ทริปนี้ เราจะพาเพื่อน ๆ ไปตะลุยสามเมืองนี้ นั่นก็คือ Kuala Lumpur, Jorhor Bahru และ Cherating
แต่ขอเกริ่นไว้ก่อนว่า รีวิวนี้ เราจะแยกกิจกรรมเป็นเมืองให้เพื่อน ๆ ได้ดูกัน จะไม่เล่าเรื่องให้ยาวจนรู้สึกเหนื่อยไปด้วย จะเอาแต่น้ำของแต่ละที่มาให้เพื่อน ๆ รู้ว่า ” ม า เ ล เ ซี ย ” ประเทศที่คนไทยมักมองผ่าน มันมีน่าอะไรค้นหาอีกเยอะ
KUALA LUMPUR
ขอเริ่มต้นที่เมืองหลวง เมืองใหญ่ และเป็น Port ที่ใครหลายคนต้องเคยมา Transfer ที่นี่ แต่น้อยคนนัก ที่จะได้ก้าวเท้าลงมาท่องเที่ยวในเมือง Kuala Lupur แบบจริงจัง ทริปนี้จึงถือเป็น Prototype Trip ที่จะทำให้เพื่อน ๆ อยากตามรอยรีิววตัวนี้ไปกับพวกเราเลยล่ะ
ก่อนอื่นมารู้จัก Kuala Lumpur พอสังเขปก่อน ซึ่งกัวลาลัมเปอร์เป็นเมืองหลวงของประเทศมาเลเซียและเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศด้วย ภายในมาเลเซียเอง กัวลาลัมเปอร์มักจะเรียกย่อ ๆ ว่า KL เป็นหนึ่งในสามดินแดนสหพันธ์ของมาเลเซีย (Malaysian Federal Territories) ล้อมรอบด้วยรัฐเซอลาโงร์บนชายฝั่งตะวันตกตอนกลางของคาบสมุทรมลายู อุณหภูมิก็ประมาณภาคใต้บ้านเราเลย ของกิน อาหาร จะออกแนวไปทางอินเดียหน่อย ๆ แต่สถาปัตยกรรมก็ยังคงความเป็นเมืองหลวงอยู่
จากสนามบินดอนเมือง มุ่งหน้าสู่กัวลาลัมเปอร์ใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงครับ เรานั่งไฟล์ท AK891 ในช่วงเช้า แล้วมาถึงช่วงสาย ๆ ก่อนที่จะนั่งรถเข้าที่พักเพื่อเก็บข้าวของ และเตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางไปยังที่ต่าง ๆ ใน กัวลาลัมเปอร์
ในเมืองนี้เราพักกันที่ Sunway Pyramid Tower Hotel ครับ ตัวโรงแรมจะเป็นคล้าย ๆ กับ Community ขนาดใหญ่ที่เชื่อมตัวที่พักกับสวนสนุก สวนน้ำ และห้างสรรพสินค้าไว้ในโซนเดียวกัน จุดนี้เป็นจุดที่คนมาเลเซียเองมาพักผ่อนตากอากาศ
ตัวโรงแรมที่เป็นที่พักเนี่ย จะมี 2 ส่วน คือ Sunway Resort และ Sunway Pyramid ซึ่ง Resort จะเป็นโรงแรม 5 ดาว ส่วน Pyramid จะเป็นเกรดต่ำกว่า ที่ราคาถูกแต่รวม ๆ ก็โอเค และสวยสะอาดมาก ๆ อีกทั้งบริการ และอุปกรณ์ต่าง ๆ ก็ใช้ได้ดี ราคาห้องพักเริ่มต้นที่ 3,xxx บาทต่อคืน แล้วแต่ช่วงเทศกาล
อย่างที่บอกว่าตัวที่พักติดกับสวนน้ำ และห้างสรรพสินค้า ที่พร้อมที่จะให้เราเสียตังค์ได้ทุกเมื่อ สำหรับ Kuala Lumpur นั้น เราไปพบกับจุดแรกที่อยากจะแนะนำให้เพื่อน ๆ มาเยือนที่นี่กันเลยดีกว่า ตามมา…
Sunway Lagoon & Theme Park
Sunway Lagoon คือสวนสนุกที่เรียกได้ว่าแทบจะใหญ่ที่สุดในมาเลเซียแล้วก็ว่าได้ ซึ่งไม่ได้มีแค่สวนน้ำนะครับ แต่มีสวนสนุก สวนสัตว์ด้วยนะ ก็เป็น 5 Park ได้แก่ Water Park, Scream Park, Amusement Park, Extreme Park, Wildlife Park และ Nickelodeon Lost Lagoon คือเรียกได้ว่าหนึ่งวันยังไงก็เก็บไม่หมด ที่นี่เค้าก็เลยมีที่พักในตัวเลยยังไงล่ะ
สำหรับ Water Park เนี่ย ถือเป็นสวนน้ำขนาดย่อมที่ดึงเอาความเป็นแอฟริกามาตกแต่งให้เค้ากับบรรยกาศ โดยจะมี 13 จุดน่าสนใจ และยังมีโซน Beach ให้ได้เล่นอีก 9 จุด สวนสนุกน้ำอีกสองที่สำหรับเด็กน้อย คือเรียกได้ว่าอยู่ได้ไปเลยทั้งวัน แต่ก็ไม่อยากให้พลาดพวก Flow rider, Sater Disco, Cameroon Climb, AfricanPhython หรือแม้กระทั่ง Waterplexx 5D แม้แต่อย่างเดียว
ในส่วน Scream Park นี่คือเค้ากำหนดอายุคนเล่นไว้เลยนะว่าต้องอายุ 7 ปีขึ้นไป เรียกได้ว่ามีจุดน่ากลัวหลายจุดเลย จะใช้เสียง และก็เอฟเฟคต่าง ๆ รวมถึงนักแสดง หรือผีจริง ๆ เนี่ย เข้ามาทำให้เรากลัว ไม่ว่าจะเป็น Horrorwood Studios, Zombie Apocalypse หรือ The Ghostbusters Adventure Live ก็ไม่ควรพลาดทั้งนั้น
ที่เหลือก็จะมี Amusement Park, Wildlife, Nickelodeon และที่พลาดไม่ได้สำหรับสาวกที่ชอบความท้าทาย ก็คือ Extreme Park จุดนี้คือมีกิจกรรมให้เล่นตลอดทั้งัน ไม่ว่าจะเป็น Painball, Bungee Trampoline, Kayaking, Paddle boat, G-force, Flying Fox คือเรียกได้ว่าสุดทุกตัวที่กล่าวมา
ค่าใช้จ่ายไม่แพงนะ ค่าเข้าสำหรับผู้ใหญ่ 130 MYR เด็ก 90 MYR มีแบบเป็น Family Package ด้วย จะเปิดเช้าหน่อย คือ 7 โมงเช้า ถึง 4 ทุ่มครึ่ง ยังไงจองบัตรหรือดูรายละเอียดได้ที่นี่เลย https://sunwaylagoon.com/
Putra mosque
มัสยิดปูตรา (มลายู: Masjid Putra) เป็นมัสยิดที่สำคัญในปูตราจายา เริ่มก่อสร้างเมื่อปี 1997 จนแล้วเสร็จอีก 2 ปีถัดมา ตั้งอยู่ข้างกับเปอร์ดานาปูตรา ซึ่งเป็นทำเนียบรัฐบาลของมาเลเซีย และทะเลสาบปูตราจายา ทะเลสาบที่สร้างโดยมนุษย์ ด้านหน้าของมัสยิดยังมีจตุรัสที่ประดับด้วยธงแต่ละรัฐของมาเลเซีย
ตัวอาคารเองก็เป็นโทนพาสเทลขาวชมพู ที่นี่เป็นอีกจุดที่เป็นแหล่งรวมใจของชาวมาเลเซียไว้คอยจัดพิธีกรรมและงานสำคัญต่าง ๆ ซึ่งผู้ชาย หากแต่งตัวเรียบร้อย สามารถเข้าไปชมความงามข้างในได้ แต่หากเป็นหญิง จำเป็นจำต้องใส่เสื้อผ้าคลุมมิดชิด หรือหากไม่มี ทางมัสยิดจะมีให้ยืมใส่
นอกจากนี้มัสยิดปุตรายังมีหอคอยสูงที่สวยงามสร้างขึ้นโดยได้รับอิทธิพลมาจากมัสยิดชีคโอมาร์ (Sheikh Omar mosque) ในกรุงแบกแดด โดยตัวหอคอยมีความสูงถึง 116 เมตร และยังเป็นหนึ่งในหอคอยที่สูงที่สุดในภูมิภาคที่มีห้ายอดเป็นสัญลักษณ์ของเสาหลักทั้งห้าในศาสนาอิสลาม และถ้าจะมาเช็คเวลาเปิดปิดดี ๆ ล่ะ อย่างวันนเสาร์ – วันพฤหัสบดี เวลา 9:00 – 12:30 / 14:00 – 16:00 / 17:30 – 18:00 และ วันศุกร์ 15:00 – 16:00 / 17:30 – 18:00 คือจะเปิดเป็นช่วง ๆ ไม่ได้เปิดตลอด แต่เข้าชมฟรี
KL Tower ·
หอคอยกัวลาลัมเปอร์ (มลายู: Menara Kuala Lumpur) หรือ หอคอยเคแอล คือ หอคอยสูงที่ตั้งอยู่ในกัวลาลัมเปอร์ สร้างเสร็จเมื่อวันที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2538 มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการสื่อสารและหอส่งสัญญาณสูงถึง 421 เมตร ภายในหอคอยมีภัตตาคารหมุนรอบ ซึ่งสามารถมองเห็นได้รอบกัวลาลัมเปอร์เลยนะ
แล้วคือหอคอยแห่งนี้จะเห็นตึกแฝดเปโตรนาสทาวเวอร์ชัดมาก รวมไปถึงมุมเมือง 360 องศาอีกด้วย แนะนำให้มาช่วงพระอาทิตย์ตก อย่างไรก็ตาม แต่ทำเป็นเล่นไป จุดนี้เนี่ยสูงกว่าเปโตรนาสทาวเวอร์นะ เพราะมันถูกสร้างอยู่บนเนินเขาใจกลางกัวลาลัมเปอร์ ในระดับความสูง 515 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ทำให้หอคอยนี้กลายเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในกัวลาลัมเปอร์ไปโดยปริยาย
เปิดตั้งแต่ 9 โมงเช้าถึง 4 ทุ่ม ค่าเข้าก็มีหลายราคา จะมีแบบแค่ขึ้นไปจุดชมวิวเฉย ๆ หรือจะไปโซน Sky Deck แต่ที่พลาดไม่ได้ก็คือโซน Sky Box นี่แหละ ที่เป็นกล่องแก้วใสสูงจากระดับพื้นดิน 300 เมตร เสียวสุด ๆ ราคาก็ตั้งแต่ 26 – 81 MYR เป็นอีกจุดที่แนะนำนะ สำหรับในเมือง
KLCC
กัวลาลัมเปอร์ซิตี้เซ็นเตอร์ (KLCC) เป็นพื้นที่พัฒนาอเนกประสงค์ในกัวลาลัมเปอร์ประเทศมาเลเซีย ตั้งอยู่รอบ ๆ Jalan Ampang, Jalan P. Ramlee, Jalan Binjai, Jalan Kia Peng และ Jalan Pinang มีห้างสรรพสินค้าจำนวนมากไม่ว่าจะเป็น Suria KLCC และ Avenue K นอกจากนี้ยังมีโรงแรมในระยะที่เดินได้เช่น G Tower, Mandarin Oriental, Grand Hyatt Kuala Lumpur และโรงแรม InterContinental Kuala Lumpur
ออกแบบมาให้เป็นเมืองภายในเมืองเว็บไซต์ขนาด 100 เอเคอร์และแน่นอน ว่าจุดนี้เองเป็นที่ตั้งของอาคารแฝดที่สูงที่สุดในโลกอย่าง Petronas Twin Towers ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นของเมืองกัวลาลัมเปอร์ ออกแบบโดย เซซาร์ เปลลี มีความสูง 451.9 เมตร (อาคารเดี่ยวที่สูงที่สูงของโลกคือ บุรจญ์เคาะลีฟะฮ์ สูง 828 เมตร) แต่ล่าสุดถูกทำลายสถิติโดยตึกไทเป 101 เป็นที่เรียบร้อย ใครไปจุดนี้พกเงินไปเยอะ ๆ นะ ของล่าตาล่อใจเพียบ!!!
CHERATING
เชอราติงเป็นเมืองชายหาดในปะหัง (Pahang) ตั้งอยู่ประมาณ 47 กม. ทางทิศเหนือของกวนตัน (Kuantan) สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมคือชายหาดตามแนวชายหาดเชนเดอร์ที่มีโรงแรมและรีสอร์ทมากมาย และ Cherating ยังเป็นที่ตั้งของ Club Mediterranee แห่งแรกของเอเชีย (“Club Med”) อีกด้วยนะ ซึ่งคิดว่าเหล่าสาวก Club Med จะต้องตกใจแน่ ๆ เพราะไม่คิดว่ามาอยู่ที่นี่ที่แรกใช่ไหมล่ะ ฮ่า ๆๆๆ
แต่เอาเข้าจริง ๆ Cherating มีหมู่บ้านทางวัฒนธรรมที่ขายผ้าและหัตถกรรมแบบดั้งเดิมเต็มพื้นที่เลยนะ เดี๋ยวเพื่อน ๆ จะได้เห็นบรรยากาศไปพร้อมกับเรานี่แหละ ซึ่งจุดเด่นคือที่นี่เนี่ย จะมีเต่าขึ้นมาวางไข่ในเดือนกรกฎาคมและสิงหาคมของทุกปี
การเดินทางไม่ยากไม่ง่าย นั่งรถไปราว ๆ 3 ชั่วโมง แต่หากจะสะดวกหน่อย กินบินตรงกับ AirAsia ไปเลย เราบิน Flight AK6230 เพียงสี่สิบนาทีก็ถึงแล้ว ประหยัดเวลาไปได้เยอะ จากสนามบิน เมืองนี้เรามาพักกันที่ royale chulan cherating villa เป็นโรงแรมในเครือ Sunway ครับ บรรยากาศดี ห้องพักเริ่มต้นคืนละ 3,000 บาท หลังโรงแรมคือติดหาด Cherating เลยนะ แล้วคือเงียบ และสงบมาก
เอาล่ะ ถึงเร็วก็ได้เที่ยวเยอะ เราไปดูบรรยากาศและสถานที่ท่องเที่ยวในเมือง Cherating กันเลย ซึ่งกิจกรรมหลาย ๆ อย่าง พวกเราจองผ่าน Hafiz’s Cherating Activities ครับ
Cherating Beach
หาดทรายแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ชายฝั่งตะวันออกของคาบสมุทรมาเลเซียมี หาดทรายกว้างแม้ว่าจะไม่ค่อยดีเท่าเกาะที่อยู่ไกล ๆ หน่อย แต่ก็มีมนต์เสน่ห์ของมันเอง ซึ่งคลับเมดแห่งแรกของเอเชียตั้งอยู่ที่นี่แหละจ้าาา และจนถึงทุกวันนี้ที่แห่งนี้ยังเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมในหมู่ครอบครัวเพื่อใช้เวลาช่วงวันหยุดยาวให้พร้อมหน้าพร้อมตากัน คือไม่ค่อยเห็นคนต่างชาติเท่าไหร่
นอกจากนี้ยังโด่งดังในหมู่นักโต้คลื่นและนักเที่ยวชายหาดทั่วโลก เป็นที่รู้จักกันว่าเป็นสวรรค์ของนักโต้คลื่นในยุค 70 และผู้คนกลับมาทุกปีเพื่อท้าทายคลื่นจีนตอนใต้ คือช่วงที่เราไปคลื่นไม่สูงครับ และยังไม่ใช่ฤดู ผู้คนเลยดูเงียบสงบไปหน่อย แต่บอกเลยว่า จุดนี้ ถือเป็นสวรรค์แห่งใหม่ของใครหลายคนที่แวะไปสัมผัสแน่นอน น่าไปมาก ๆ
ซึ่งชายหาดนี้ยาววววว…. มากครับ สามารถเดินริมหาดไปได้เรื่อย ๆ เลย จะเจออะไรแปลกใหม่เยอะมาก ช่วงเย็น ๆ มีคนท้องถิ่นมาเล่นว่าวกับครอบครัว ดูเป็นกิจกรรมที่น่ารักมาก ที่สำคัญคือ อยู่ห่างจากที่พักในเครือ Sunway ที่เราพักไม่ไกลกันเลย
Clean Up By Trush Hero
หากเราเดินไปตามชายหาด Cherating จะมีชาวบ้านและ Local แถวนั้นลากอวนและแหเก็บขยะบริเวณหาดครับ ซึ่งกิจกรรมนี้ทางหมู่บ้านในแถบนั้นและชุมชนใกล้เคียง เค้าจะเก็บกวาดหาดของเค้าอาทิตย์ละหนึ่งครั้ง
โดยกิจกรรมนี้นำทีมโดยกลุ่ม Trush Hero ครับ จะมีวันไหนนั้นทางเราไม่มั่นใจเลย แต่ช่วงที่เราไปบังเอิญว่ามีกิจกรรมพอดี ถือเป็นอีกกิจกรรมที่ควรส่งเสริมมาก ๆ และหากเพื่อน ๆ อยากร่วมกิจกรรมนี้ ก็สามารถสอบถามวันเวลาของกิจกรรมผ่านทางโรงแรมที่พักได้เลย
Fireflies Watch At Night On Boating.
อีกกิจกรรมที่ไม่อยากให้พลาดเมื่อมา Cherating คือการเข้าร่วมทัวร์ล่องเรือหนึ่งชั่วโมงเพื่อชมหิ่งห้อยและศึกษาธรรมชาติในท้องถิ่นของเชอราติง เพื่อน ๆ จะหลงเสน่ห์ความงามของหิ่งห้อยบนต้นไม้ คือเรียกได้ว่าจะหลงไหลเลยล่ะ ที่สำคัญคือมันเป็นระสบการณ์ที่น่าตื่นตาตื่นใจที่หิ่งห้อยาบินอยู่เหนือเรือ และมองไปที่ไหนก็เจอแต่หิ่งห้อย น่าเสียดายที่… เค้าไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพนะครับ
ใช้เวลาในการทัวร์หิ่งห้อย 60 นาที ก็จะนั่งเรือผ่านป่าโกงกาง ไกด์เค้าก็จะเล่าเรื่องเกี่ยวกับหิ่งห้อยพวกนี้ และวัฒจักรชีวิตของมันไปคร่าว ๆ เวลาดี ๆ ที่แนะนำคือช่วง 7:30 pm. นะ แต่ถ้ามาไม่ทันก็คือมารอบสุดท้ายตอน 8:40 pm ได้ สำหรับค่าใช้จ่ายก็ 35 MYR
Release Baby Turtle To The Sea
นอกจากที่นี่จะมีกิจกรรมชายหาดและชมหิ่งห้อยแล้ว ที่นี่ยังมีกิจกรรมเพื่อการศึกษาที่สนุกสนานเช่น Cherating Turtle Sanctuary ซึ่งตั้งอยู่ติดกับ Club Med ก่อตั้งขึ้นในปี 1972 ตั้งอยู่ในโรงเพาะฟักเต่าเพื่อปกป้องและอนุรักษ์สัตว์ใกล้สูญพันธุ์โดยเฉพาะ Giant Leatherback เต่า.
เต่าทะเลจำนวน 7 สายพันธุ์ในโลกมี 4 สายพันธุ์วางไข่ในชายหาดมาเลเซียหนึ่งในนั้นคือหาด Chendor ซึ่งอยู่ห่างจากหาด Cherating ที่ห่างจากที่พักเราเพียง 1.5 กม. เท่านั้น ก็อย่างที่ใครหลายคนพอทราบ ว่าคนที่นี่ชอบกินไข่เต่า ส่วนจั่นเจานั่นกินโอเล ตึ่งโป๊ะ!!! คือนี่ก็พึ่งรู้ล่ะ ว่าคนเค้ากินไข่เต่ากันจริง ๆ
เรามีโอกาสได้ไปอนุบาลเต่าที่ถูกนำมาฟักในหาดที่เค้าทำโรงเรือนไว้ครับ พอเต่ามันออกจากไข่ เค้าก็จะเอามาเช็คความแข็งแรงเบื้องต้น ตัวไหนที่แข็งแรง ก็จะถูกปล่อยไปสู่ทะเล ส่วนตัวไหนยังอ่อนแอ ทางโรงเรือนเค้าก็จะดูแลจนเห็นว่ามันพร้อมที่จะออกจากโรงเรือนแห่งนี้
ซึ่งเพื่อน ๆ รู้ไหมว่า เต่าอนุบาลที่ปล่อยไป มีสิทธิรอดแค่ 1 ใน 1,000 เท่านั้น คิดดูสิ ชีวิตชีวิตหนึ่ง ที่เราได้เห็นในทะเล เค้าต้องต่อสู้ดิ้นรนขนาดไหนกว่าจะมีชีวิต อย่าให้เราเห็นภาพสัตว์ทะเลตายเพราะถุงพลาสติกหรืออะไรก็ช่างที่ไม่ได้เกิดจากอายุไขของมันอีกเลย สำหรับค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 35 MYR
Turtle Laying Eggs Watch On The Beach At Night
อย่างที่บอกไปว่า เต่าทะเลจำนวน 7 สายพันธุ์ในโลกมี 4 สายพันธุ์วางไข่ในชายหาดมาเลเซียหนึ่งในนั้นคือหาด Chendor ซึ่งอยู่ห่างจากหาด Cherating ที่ห่างจากที่พักเราเพียง 1.5 กม. นั้น หลังจากที่ปล่อยเต่าไปแล้ว ช่วงดึกของวันเดียวกัน เราสามารถมารับไข่เต่าที่ขึ้นมาวางไข่ที่หาด Chendor ได้ด้วยนะ
ซึ่งเต่าที่นี่จะขึ้นมาวางไข่ในทุก ๆ เดือนเจ็ดและเดือนแปดของทุกปี จะมาหลายตัวเลย โดยวิธีการที่เราสามารถไปดูเต่าวางไข่ได้นั้น จะมีทีมของชุมชนที่นี่เค้าตระเวรคอยสังเกตการณ์เบื้องต้นว่ามีเต่าขึ้นมาไหม หากมีเต่าขึ้นมา เค้าจะโทรหาคนที่พาเรามาร่วมกิจกรรมนี้ครับ ซึ่งก็จ้างจากทัวร์ข้างบนที่เราบอกไว้ตั้งแต่ต้นเลย
ถือเป็นอีกประสบการณ์ที่เกินคาดมาก ๆ บอกเลยว่ามา Cherating ไม่คิดว่าจะได้เห็นปรากฏการณ์อะไรแบบนี้ เต่ามันค่อย ๆ ขึ้นมาวางไข่ ก่อนวางไข่เค้าจะเอาคีบสองข้างเค้าขุดทรายก่อนครับ จากนั้นก็จะถอยหลังเอาตูดหย่อนลงไป แล้วค่อย ๆ เบ่งไข่เต่าออกมาทีละฟอง สองฟอง ซึ่งครั้งหนึ่งก็ไข่ทิ้งไว้ ราว ๆ 50 – 100 ฟอง ขึ้นอยู่กับเต่าแต่ละตัวครับ ซึ่งไกด์บอกว่า เต่ามีอายุยืนยาวมาก ๆ เลยนะ บางตัวเห็นเล็ก ๆ แบบนี้ อายุเป็นร้อยปีเลย
พอเต่าวางจนเสร็จ เค้าก็จะกลับสู่ทะเลครับ ทางทีมเค้าก็จะรวบรวมไข่เต่า เก็บเอาไปอนุบาลในโรงเรือนต่อไป นี่เป็นกิจกรรมที่น่าจะสร้างความประทับใจให้ใครหลายคนที่ไปเยืนอเมือง Cherating เลยล่ะ ยังไงหากใครสนใจกิจกรรมนี้ ก็ต้อง Standby รอช่วง 21.00 น.ไว้เลยนะ เพราะเต่า มักจะขึ้นมาตอนที่หาดไม่มีไฟ และทุกอย่างเริ่มเงียบแล้ว ค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 65 MYR
Traditional Textiles And Handicrafts.
ช่วงเวลากลางวันเนี่ย Cherating เหมือนเป็นเมืองที่เงียบสงบนะ แต่หากเดินช้าลง แล้วเข้าไปตามบ้านเรือนแล้วละก็ จะเห็นกับงานฝีมือดี ๆ ที่ทางชุมชนทำขึ้นจากมือ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อสีมัดย้อม หรืองานถักงานสานต่าง ๆ เรียกได้ว่าฝีมือดีที่เดียว
สินค้าพวกนี้ ถ้าอยู่บ้านเราเค้าก็เรียกว่า OTOP แหละครับ เป็นสินค้าที่เกินดจากชุมชน ไม่ได้มีโรงงานใหญ่โตมาทำ แต่เป็นงานจากครัวเรือน และร่วมกันทำในบางรางการ ซึ่งช่วงที่เราไป เค้าเผอิญทำผ้ามัดย้อม และกำลังจับตากกันอยู่พอดี เราเลยมีโอกาสที่จะได้เห็น Process ต่าง ๆ ในการทำผ้ามัดย้อมคร่าว ๆ เรียกได้ว่า ซื้อมาสักตัวเถอะ ถือว่าช่วยให้กำลังใจเค้าครับ
Cherating City Sightseeing
แม้ Cherating จะเป็นเมืองต่างจังหวัดริมทะเลเล็ก ๆ แต่ผมเชื่อว่า นี่เป็นอีกหนึ่งจุดที่หากใครหลายคนมาแล้วจะต้องชอบกับความเงียบสงบที่นี่ ลืมไปเลยความพรุกพร่าน ที่นี่เหมือนจะไม่มีอะไร แต่มันก็มีอะไร
การที่ได้เช่าจักรยานปั่นเล่น แล้วแวะไปยังจุดต่าง ๆ ทำให้ได้เห็นวิถีชีวิตของคนที่นี่เยอะขึ้นเป็นกอง สัตว์น้อยสัตว์ใหญ่ที่ยังอาศัยอยู่ที่นี่ บ่งบอกถึงความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติที่ยังไม่ถูกรุกราน
เดินทางง่ายแค่เพียงไม่กี่ชั่วโมงก็มาถึงที่นี่ หรือมีงบหน่อยก็บินมาแค่ 45 นาที หิ่งห้อยเอย เต่าเอ้ย คลื่นสวย ๆ อาทิตย์ตกดี ๆ กลิ่นอายของโอโซน และลมโชยจากธรรมชาติในเมืองนี้ รวมไปถึงรอยยิ้มจากผู้คน จะทำให้คุณอยากกลับมาที่นี่เหมือนกับเรา
JORHOR BAHRU
โหห…. แป็บเดียว เราก็มาเมืองสุดท้ายกันแล้วนะ โจโฮร์บะฮ์รู มีชื่อเดิมว่า ตันจุงปูเตอรี (Tanjung Puteri) และ อิซกันดาร์ปูเตอรี (Iskandar Puteri) และเป็นที่รู้จักในชื่อย่อว่า เจบี. เป็นเมืองหลวงของรัฐยะโฮร์ทั้งเป็นเมืองใหญ่อันดับที่สองของประเทศมาเลเซีย ตั้งอยู่ทางใต้สุดของคาบสมุทรมลายูและใต้สุดของแผ่นดินยูเรเชีย มีสถานที่ท่องเที่ยวเยอะพอสมควร แต่เราจะขอแนะนำสองสามจุดให้เพื่อน ๆ ได้ตามรอยกัน
การเดินทางจาก Kuala Lumpur มา Jorhor Bahru ไม่ยากครับ นั่งเครื่องบินเถอะ เพราะใช้เวลาราว ๆ 40 – 60 นาที แต่หากนั่งรถโดยสาร ทิ้งไปเลยครับ 8 – 9 ชั่วโมง ที่สำคัญพอบินในประเทศ ถ้าวางแผนมาแต่เนิ่น ๆ ราคาไม่แพงครับ เราบินไฟล์ท AK6051 ช่วงเก้าโมงเช้า ชั่วโมงเดียวก็มาถึง Jorhor Bahru แล้ว
จาก Jorhor Bahru เราเดินทางเข้าที่พักสำหรับเมืองนี้ที่ Trove Hotel Marquee Pub & Bistro เป็นโรงแรมเก๋ ๆ ที่อยู่ห่างจากสนามบินราว ๆ หนึ่งชั่วโมง เอาจริง ๆ คือ Location ของโรงแรมไปได้ทั้งในเมือง แล้วก็เที่ยวนอกเมืองนะ และที่สำคัญ เมืองนี้เนี่ย มีชื่อเสียงอยู่อย่างหนึ่งคือ เป็นเมืองของ Lego Land, Kitty Land และสามารถข้ามฝั่งไปยังสิงคโปร์ได้โดยเรือล่ะนะ เอาล่ะ ไปดูสถานที่ท่องเที่ยวที่เราจะแนะนำสำหรับเมืองนี้กัน..
// Photos is coming //
Tan Hiok Nee Heritage
ที่แรกที่ไปคือ tan hiok nee heritage เป็นคล้าย ๆ ตลาดสามชุก แต่เจริญกว่า ซึ่งถือว่าเป็น walking Street ที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งบนถนนในเมือง Johor Bahru ที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และมีอาคารประวัติศาสตร์เพียบ มีร้านอาหารจีนที่พิพิธภัณฑ์แห่งประวัติศาสตร์ตั้งอยู่ที่นั่นและมีร้านกาแฟด้วย เป็นสถานที่ที่ดีในการถ่ายภาพ
// Photos is coming //
คือเพลินเลยล่ะ ไม่ว่าจะเป็นเบเกอรี่ดั้งเดิมอย่าง Hiap Joo หรือ Sallehudin ก็ตั้งอยู่แถว ๆ นี้ มีตลาดกลางคืน ” Pasar กะรัต ” ซึ่งเปิดให้บริการทุกวันเริ่มจากสองทุ่มของทุกคืน ของซื้อของขายเยอะครับ ตอนเราไปไปตอนกลางวันร้านเลยยังไม่ค่อยเปิดมาก แต่กะจะไปถ่ายตึกแดง แต่…
// Photos is coming //
อันนี้คือภาพในเน็ตนะ พอไปถึงมันปิดไปละ แล้วเปลี่ยนสีเป็นสีขาวล้วน ฮ่า ๆๆๆ ตอนแรกไปเดินหาไม่เจอทั้ง ๆ ที่ผ่านไปแล้วนะ เลยไปถามคนแถวนั้น คนนั้นก็เดินพาไปเลยถึงที่ อธิบายตึกอยู่นานมากประมาณ 30 นาทีได้ ก็ยืนยิ้มแห้ง ๆ กัน > <
// Photos is coming //
Arulmigu Rajamariamman Devasthanam
จากนั้นเลยไป arulmigu rajamariamman devasthanam ก็เดินจากตลาดไปได้เลยไม่ไกล พอไปถึงปิดอีก 555555 เลยถ่ายมาเฉพาะข้างหน้าทางเข้า แต่เด่วมาเล่า กันหน่อยว่าที่นี่เนี่ยคือหนึ่งในวัดฮินดูที่เก่าแก่ที่สุดในยะโฮร์ มีอายุมากกว่าหนึ่งร้อยปี สร้างขึ้นครั้งแรกในเดือนธันวาคมปี 1911 วัดนี้เป็นที่รู้จักครั้งแรกในชื่อวัด Mariamman แต่คำว่า ‘ราชา’ ซึ่งแปลว่าราชาได้รับการชื่นชมจากสุลต่านแห่งยะโฮร์ในเวลานั้นสุลต่านอิบราฮิมผู้บริจาคที่ดินจำนวนหนึ่ง นายคุชาเปรมมาลวันดายาร์นั้นเอง ก็เปิดเปิดให้ทุกคนเข้ามาดูได้ แต่ก็ต้องเคารถการแต่งกายของวัดอย่างเคร่งครัดก่อนเข้าไป ห้ามใส่ขาสั้น หมวก กระโปรง แว่นกันแดด ถุงเท้า และรองเท้าแตะ สวยครับ แต่ไม่มีโอกาสได้เข้าไป
Skyscape
ต่อมาก็แวะกินข้าว แล้วก็ไป skyscape อันนี้เป็นตึกสูง ที่ด้านบนมีคล้ายระเบียงแก้วยื่นออกมา ให้เราไปเดินดูได้ เสียค่าเข้าไป 42 MYR รวมถุงเท้าที่ตรงพื้นจะมีตีนตุกแกด้วยอะ ที่นี่อยู่ได้ 2 ชม. นับจากที่ซื้อบัตร ถ้าให้ดีมาประมาณ 6 โมงจะเห็นตั้งแต่มีแสงยังแสงหมด
ก่อนเข้าเค้าก็ให้เล่นเกมส์ แล้วก็พาไปชั้น 34 พอขึ้นไปของจริงก็เล็กมากแล้วพอมองดูพื้นคือไม่ได้เห็นพื้นล่างแบบเต็ม ๆ อะ เพราะว่ามันมีตึกเล็กตึกน้อยข้าง ๆ เลยไม่ค่อยรู้สึกว่ามันสูง หรือเสียวไรงี้ แต่วิวกลางคืนคือสวยอยู่นะ จากนั้นพอออกมาเค้าก็ให้เราไปนั่งฟังประวัติของตึกนี้ เสร็จก็มีเกมส์วีอาร์ให้เล่น เป็นอันจบ
ซึ่งก็นะ… ตัวตึกก็ตั้งอยู่เหนือพื้นดิน 149 เมตร ลองทำกิจกรรมที่หลากหลายระหว่างการเยี่ยมชมที่นี่ดู ไม่ว่าจะเป็น VR การเดินผ่านอุโมงค์ LED และอีกมากมาย ยังไงลองไปดูครับ
Tanjung Piai Natoinal Park
Tanjung piai national park อันนี้เป็นอุทยานจะเป็นป่าชายเลน แล้วก็เขตอนุรักษ์สัตว์ทะเล เราลองอ่านในเน็ตเค้าบอกว่ามีลิงด้วย แต่ไม่เจออะไรเลยนะ น้ำก็แห้ง ๆ น่าจะไปผิดฤดู ฮ่า ๆๆๆ ระยะทางเดินก็ 1.2 กิโลฯ เดินสบาย ๆ แต่ร้อนหน่อย เหมือนทางเป็นวงกลมไม่ต้องเดินย้อน ที่นี่เปิด 8.00 – 17.00 น.นะ
มันก็เป็นที่น่าพอใจอยู่บ้างล่ะ เดินในป่าชายเลน ก็จะมีทางเดินริมทะเลไปยังปลายสุดทางใต้ ทางเดินริมทะเลมุ่งหน้าตรงไปยังท่าเทียบเรือบนเกาะสามารถมองเห็น Karimun ช่องแคบมะละกา และเกาะ Kukup คือเรียกว่าเป็นแลนด์มาร์คเลย
ค่าธรรมเนียมแรกเข้าไปเป็นสวนสำหรับผู้ใหญ่ 5 MYR และ 20 MYR สำหรับการศึกษาป่าชายเลนอย่างจิรงจังโดยการตั้งแคมป์ ซึ่มีสิ่งอำนวยความสะดวกคอยบริการให้ผู้ที่มาพักแรมที่นี่ด้วย
เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับสามเมืองที่เราเอามาสรุปเป็นจุด ๆ ให้เพื่อน ๆ ได้ศึกษาเพื่อตามรอยกัน ทริปครั้งนี้ของเราอาจไม่ราบรื่นเท่าไหร่ แต่ก็เก็บประสบการณ์มาฝากเพื่อน ๆ ได้เยอะเลย อ่านมาถึงตรงนี้ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ให้กับเพื่อน ๆ ไม่มากก็น้อย ขอบคุณ การท่องเที่ยวมาเลเซีย ที่เชิญเรามาร่วมประสบการณ์นี้ครับ แล้วเจอกันระหว่างทาง สวัสดีครับ : )
:: FOLLOW US ::
Youtube : goo.gl/Tk9uHo
Fan Page : goo.gl/kDE9eh
Facebook : goo.gl/S42XZq
Instagram : goo.gl/EkTxZT
Twitter : goo.gl/wx2I34
Pinterest : goo.gl/P1FsxN
Google+ : goo.gl/uQrGS9
Website : www.palapilii.com/
#palapilii
#wanderlust
#YOLO