Site icon PALAPILII-THAILAND

Trip ฆูนุงซีลีปัต – Gunung Silipat 2 วัน 1 คืน ด้วยเงินคนะล 800 บาท [ ยอดเขาที่เห็นทะเลหมอกได้ทุกวัน ]

คือเอาจริง… ถ้าจะให้แนะนำว่าไปดูทะเลหมอกที่ไหนที่เดินง่ายๆ ไม่ต้องเดินเยอะแบบเก็บฟีลลิ้งธรรมชาติที่วิวไม่มีรถขับไปถึง หรือมีรีสอร์ทขึ้นเต็มแทรกมาในภาพถ่ายเยอะไปหมด ก็คงจะแนะนำที่นี่ล่ะ… “ ฆู นุ ง ซี ลี ปั ต “ อ.เบตง จ.ยะลา

ย้อนกลับไปเมื่อปีที่แล้ว น้องปั้น The Walking Backpacker เป็นคนจุดประกาย Destination นี้ให้เรา คือเราเห็นมันทำวีดีโอตัวหนึ่งแบบสั้นๆ เรานี่แบบ โอโห้… บ้าไปแล้ว เมืองไทยมีอะไรที่ง่ายๆ เรียบๆ แต่ความสวยงามสมบูรณ์ขนาดนี้เลยหรอ ทริปนี้ต้องขอบคุณน้องปั้งที่ทำให้รู้จัก Destination แห่งนี้เลย

มารู้จักฆูนุงซีลีปัตกันแบบคร่าวๆ ดีกว่า ในภาษาอังกฤษจะสะกดว่า Gunung Silipat ซึ่งเป็นภาษามาลายู หากใครเคยไปขึ้น Kinabalu Mt. ก็คงจะเคยเห็นอักษรคำว่า Gunung นำหน้ามาแล้ว นั่นเป็นเพราะว่า Gunung แปลว่า เขาหินปูนนั่นเอง ส่วน Silipat เนี่ย มันคือปรากฏการณ์รุ้งหลังเงายอดเขาแบบครึ่งดวง พูดแบบนี้เอาจไม่เห็นภาพ เดี๋ยวอ่านรีวิวไปเรื่อยๆ จะมีรูปโชว์ให้เข้าใจง่ายขึ้น

ในทางภูมิศาสตร์แล้วยอดเขาฆูนุงซีลีปัตสูงจากระดับน้ำทะเลเพียงหลักร้อยเมตรเท่านั้น คือเรียกได้ว่า ไม่สูงเท่าไหร่ แต่ด้วยความที่สภาพแวดล้อมในทางใต้ของไทยโซนนี้จะเป็นป่าดิบชิ้น จึงทำให้เห็นทะเลหมอกทุกวัน ย้ำ ว่าทุกวัน คือบางวันช่วงเย็นก็มีทะเลหมอกแล้ว หากมีฝนตกในช่วงกลางวัน

การเดินทางง่ายมาก เราจะนัดกันที่ กม.28 จากหลักกิโลเมตรของ อ.เบตง จุดนี้จะเป็นจุดที่มี 4×4 รับนักท่องเที่ยวขึ้นไปอีก 3 กิโลเมตร ซึ่งสภาพทางนั้นขอบอกว่ากันดารสุดๆ ครับ ขรุขระรุงรัง ถ้าหากว่าช่วงไหนฝนตกคงเละตุ้มเป๊ะกันเลยทีเดียว แล้วระหว่างทางคือป่าค่อนข้างรกครับ แม้จะนั่งท้ายกระบะที่มีกรงล้อมรอบ ก็ยังหลบกิ่งไม้ตามทางไม่ได้อยู่ดี ฉะนั้น เตรียมตัวกันดีๆ ครับ

ซึ่งระหว่างทางก็จะเป็นป่าไม้ สวนยาง ต้นสะตอ และทุเรียน บางจุดถ้าทางมันแย่จริงๆ คนรถจะปล่อยให้เราลงเดินครับ พอถนนดี เราถึงจะขั้นไปนั่งบนรถอีกทีหนึ่ง ซึ่งไม่นานเท่าไหร่ก็จะปล่อยให้เราเดินทางต่อไปอีก 2 กิโลเมตครับ รวมๆ แล้วก็ราวๆ 30 นาทีครับ สำหรับการนำรถขึ้นมาจอดไว้ที่จุดเดินเท้า

จากนั้นเมื่อทุกคนพร้อม ก็จะเดินต่อไปอีกสองกิโลเมตร ช่วงแรกจะเป็นทางชัน และเป็นป่าดิบชื้น มีเฟิร์นให้ได้เห็นไรทาง พอถึงทางราบที่หนึ่ง ก็จะเป็นส่วนทุเรียน จุดนี้ตอนเดินก็ระวังกันหน่อย เพราะทุเรียนอาจตกใส่หัวได้

หลังจากผ่านทางราบไปย่างสบายๆ ก็จะถึงช่วงทางชันสุดท้ายอีก 300 เมตร เป็นสวนยาง จุดนี้จะไม่ชันเท่าจุดชันจุดแรก แต่ทางลื่นทีเดียวครับ และผ่านไปไม่นาน เดินยังไม่เหนื่อย เราก็จะถึงแคมป์โดยง่ายง่าย

ภายในแคมป์พี่ๆ เค้าทำไว้ดีครับ จริงๆ บริเวณนี้มีเจ้าของสวนครับ อย่างที่บอกว่าเป็นสวนยาง เจ้าของเค้าเลยมาทำกระต๊อบไว้ขายของ มีถังเก็บน้ำรองไว้ให้ได้ใช้ และกำลังจะทำห้องน้ำให้ได้ใช้กันอย่างสะดวกๆ ในเร็วๆ นี้ พอถึงจุดนี้นั้นรู้ไว้เลยว่า เรามาถึงที่พักแล้ว สำหรับกลุ่มเราใช้เวลาเดินเพียงไม่ถึง 1 ชั่วโมงครับ เดินง่ายมากๆ

ฆูนุงซีลีปัตเป็นเขาที่เดินง่ายครับ และว่ากันว่า ตอนเย็นก็สามารถเห็นทะเลหมอกได้ หากฝนตกช่วงกลางวัน แต่วันที่เรามา ฝนไม่ตกครับ แต่เราก็จะขึ้น เพื่อไปดูพระอาทิตย์ตกดินแทน จากจุดตั้งแคมป์ เดินไปอีก 200 เมตร ก็จะถึงยอดสุดของฆูนุงซีลีปัต ซึ่งเป็นทางชันช้วนๆ แบบอย่างที่เห็นในภาพ ก็ราวๆ 30-40 องศาตามแนวระนาบได้

เราใช้เวลาราวๆ 10 นาที ก็ขึ้นมาถึงจุดสูงสุดของยอดเขานี้แล้ว ให้ภาพมันได้บรรยายบรรยากาศและเรื่องราวในตอนนั้นแทนคำพูดผม น่าจะเหมาะสมที่สุด

พอฟ้ามือด ก็เดินลงมาที่แคมป์ครับ อ่า… ตอนขึ้นไปอย่าลืมเอาไฟฉายขึ้นไปด้วยล่ะ เพราะขาลงมืดมาก พี่ๆ เค้ามีข้าวกล่องเตรียมมาให้เราครับ ทานกันเอร็ดอร่อย แล้วก็มีอาหารสดมาให้เราปิ้งย่างทานกินกันเองระหว่างเล่นเกมส์ทำความรู้จักกับเพื่อนระหว่างทาง ฟีลลิ้งกู๊ดทีเดียวล่ะ

ช่วงเราเราไปดวงจันทร์เต็มดวงมาก ถ่ายดาวไม่ได้ แต่ก็ทำให้คืนนั้นสว่างไสวกว่าทุกคืน อบอุ่นดีครับ อีกสิ่งหนึ่งที่ควรรู้ คือข้างบนไม่มีน้ำให้อาบนะครับ ฉะนั้นแล้ว มาที่นี่ เตรียมเอาทิชชู่เปียกมาเช็ดตัวก่อนนอนด้วย รีบพักผ่อน แล้วรอไปดูยอดเขาตอนเช้ากันอีกที อยากรู้ว่า… ฆูนุงซีลีปัต ที่เค้าบอกว่าเห็นทะเลหมอกทุกวัน มันจะจริงอย่างที่เขาพูดหรือเปล่า

เช้ามืดวันที่สอง เราเดินขึ้นมาก่อนกลุ่มอื่น เพื่อที่จะมาถ่ายดาวตอนที่ดวงจันทร์ลับขอบภูเขาไป แต่ก็นั่นแหละ ถ่ายไม่ได้เหมือนเดิม เพราะดวงจันทร์เต็มดวงมาก แต่ก็ได้ Feeling แบบ เอาเต้นท์ขึ้นมากางนอนดูดาวกันบนยอดเขาอยู่กลายๆ นะ

บนยอดเขาไม่หนาวเท่าไหร่ อากาศกำลังดี เวลาผ่านไปไม่นาน ก็มีบางกลุ่มเดินตามขึ้นมา สลับทักทายกันเป็นภาษานักท่องเที่ยว แสงจันทร์เริ่มพลับพลา ดวงอาทิตย์ที่เคยพลับพลาก็เริ่มส่องแสงดำเนินเรื่องราวในวันที่สอง

หมอกมหาสารที่เค้าว่าไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ แต่สำหรับเรา ถือว่าสวยงามเลยทีเดียว เช้านี้ หมอกไหลจากทิศเหนือสู่ทิศใต้อย่างสวยงาม บางช่วงบางตอนที่เป็นร่องเขา หมอกหล่นลงไปเหมือนน้ำตกอย่างไรอย่างนั้น

พี่ๆ ทีงานก็เอาขนมปังมาปิ้งให้เราทานกันด้านบน พร้อมกับเครื่องดื่มร้อนๆ ที่เราเราเลือกชงกันซิปแบบอำเภอใจ เป็นอีกเช้าวันใหม่ที่สดในมากๆ ของเราในทริปนี้ ภาพมา…

สำหรับผม… ฆูนุงซีลีปัต คือเขา ที่ผมรักเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศไทยไปแล้ว หากใครสนใจที่จะเดินป่าพักแรมมาปีนเขาที่สถานที่แห่งนี้ สามารถติดต่อแบเฮงได้ที่เบอร์ 081-093-8549 บอกว่ามาจากเพจเรานะ เผื่อได้ส่วนลด

และเมื่อเวลาอันเหมาะสม เราก็จะได้เห็นกับปรากฏการณ์ที่เรียกว่า ” ซี ลี ปั ต ” ครับ ผมไม่สามารถอธิบายได้ชัดเจนเท่ากับภาพข้างล่างนี้เลย คือมันจะเป็นฟีลแบบพอดวงอาทิตยืขึ้น ก็จะมีเงาของยอดเขาเอนลงแบ็คกราวน์ที่เป็นทะเลหมอก แล้วเห็นรุ้งล้อมเงาของยอดเขาที่เป็นแสงตรงข้ามกับดวงอาทิตย์ไว้ครึ่งวง ยังไงลองดูรูปข่างล่างนะครับ…

และนี่ก็เป็นอีกทริป 2 วัน 1 คืนสั้นๆ ที่ผมชอบ และรักมากๆ อีกทริปหนึ่งในประเทศไทยเลยล่ะ หลังจากลงเขา เราก็ไปล่องแก่งอัยเยอเวงต่อเลย ซึ่งหลังจากนี้ ผมจะรีวิวทริปใหญ่ที่ชื่อว่า Road Trip ปัตตานี – ยะลา – นราธิวาส ด้วยเงินคนละ 6,000 บาท ยังไงรอติดตามกันด้วยนะครับ แล้วเจอกันระหว่างทาง

Exit mobile version