สวัสดีครับเพื่อนๆ เป็นอีกครั้งที่ไมพลาดโอกาสดีๆ ที่จะได้ท่องเที่ยวไปในดินแดนใหม่ๆ ที่ในชีวิตยังไม่เคยได้ไป ใช่ครับ ผมยังไม่เคยไป ” โ อ ซ า ก า ” ให้ตายเถอะ ด้วยภาระหน้าที่ การงานต้องมาก่อน ฉะนั้นแล้ว การเดินทางครั้งนี้ เลยให้น้องเพ้นท์สุดน่ารักเดินเรื่องแทน
ซึ่งก่อนไปเราก็ได้พูดคุยกันแล้วล่ะ ว่าทริปครั้งนี้ เราจะเอาอะไรมาพูดให้เพื่อนๆ ฟังดี นี่คิดไปเองแล้วว่ารีวิวโอซากาคงมีกันทั่วบ้านทั่วเมือง เลยจับคอนเท้นท์ที่มันแคบลง จนสุดท้าย การเดินทางครั้งนี้ เลยได้คอนเท้นท์เล็กๆ น่ารักๆ เอาไว้ support การเดินทางของโอซากา ด้วยวาร์ป 7 คาเฟ่ ที่เมื่อคุณไปโอซากา เราต้องขอบอกเลย… ว่าห้ามพลาด!!!
การเดินทางครั้งนี้ เป็นอีกครั้งที่พิเศษมากๆ เพราะ NokScoot เค้าพึ่งเปิดรูทบินตรง กรุงเทพ – โอซาก้า แบบสดๆ ร้อนๆ และในช่วงโปรฯ นี้เอง ที่เพื่อนๆ สามารถใช้ช่วงเวลาดีๆ แบบนี้ จองตั๋วบินไปกลับโอซาก้าในราคาเที่ยวเริ่มต้นที่ 3,900 บาท หากเพื่อนๆ สนใจเข้าไปจองได้ที่นี่เลย https://www.nokscoot.com/th/
การเดินทางจากกรุงเทพไปโอซาก้า ใช้เวลาราวๆ 4 – 5 ชั่วโมงเท่านั้น ภายในห้องโดยสารและที่นั่ง ไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป เหมาะสำหรับคนไทยอย่างเรา พนักงานดูแลดี คอยไถ่ถามและให้ความช่วยเหลือตลอดการเดินทาง เรามีหน้าที่เดียวคือนั่งยาวๆ บนเครื่องบินลำใหญ่ Boing 777-200 ลำนี้ ซึ่งช่วงเวลาที่เราไปคือบินเที่ยงคืน ทำให้ตื่นมาเช้าที่โอซาก้าพอดี
อีกเรื่องก่อนถึงเนื้อหา หากใครที่ต้องการบินแบบหลากหลาย ลองใช้ traveloka ในการจองดูนะครับ ทาง traveloka จะทำการจัดการหาไฟลท์ที่เหมาะสมกับแผนการเดินทางของเราได้ดีมากๆ โดยเราเพียง filter หรือกรองข้อมูลที่เราต้องการไปในเว็บไซต์หรือแอพพลิเคชั่น ก็จะได้รูทบินที่เหมาะกับแพลนของเรามาได้ง่ายๆ ทากไปกว่านั้นคือตัว traveloka เอง ยังสามารถจองที่พักได้อีกด้วย เพียง search ชื่อที่พักที่เรารู้ หรือหากไม่รู้ก็เพียง search เมืองที่เราจะไป ทาง traveloka ก็จะรวมที่พักทั้งหมดที่อยู่ในเมืองนั้นมาให้เราเลือกเลย
อีกสิ่งที่ชอบจากการได้ใช้ traveloka คือ มันสามารถกดเข้าไปเลือกที่พักใน map ได้เลย คือไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหน ก็แค่เลือกที่พักที่อยู่ใกล้ๆ เรา แค่นั้น สะดวกมากๆ นี่พูดเยอะเกินไปละ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เรามาเริ่มกันที่ร้านแรกกันเลยยยย!!!
Brooklyn Roasting Company สาขา Kitahama
การเดินทางทางนั้นแสนง่าย เพียงลง osaka metro สถานี kitahama สายสีน้ำตาลเข้ม (เดินใกล้กว่า) หรือสายสีแดง yodobayashi (ถ้ามาจากย่าน namba มาสายนี้จะสะดวกกว่า)
ร้านนี้เป็นสาขากาแฟจากอเมริกา บรรยากาศตกแต่งเหมือนอยู่ในย่านบรูคลินนิวยอร์ค เหมือนชื่อเลย นอกจากจะมีกาแฟกับเบเกอรี่แล้ว ร้านนี้ยังมีซุ้เมขายดอกไม้ในร้านด้วย และสำหรับคนที่อยากรับลมเย็นๆ จากธรรมชาติ เพียงเปิดประตูอีกบานในร้านออกไปก็ได้เจอกับบรรยากาศชิลๆ เย็นๆ ริมแม่น้ำ ชิคไปอีกแบบ
ในส่วนของเมนูที่สั่งวันนี้ เราได้สั่งตัว maple shay shay (500 yen) ซึ่งเป็นกาแฟลาเต้เย็นใส่ ไซรัปเมเปิล รสชาติหอมหวาน มีกลิ่นเมเปิลเบาๆ สำหรับคนที่ไม่ชอบทานกาแฟร้อน เมนูนี้น่าจะถูกใจหลายๆ คน
อีกเมนูที่สั่งคือ คาปู฿ชิโน่ร้อน (450 yen) กาแฟนที่ร้านนี้รสชาติค่อนข้างอ่อน ทานง่ายกินไม่ยากเลย แต่สำหรับคนที่ชอบทานรสแน่นๆ ลองขอเพิ่ม extra shot ดู น่าจะถูกใจกว่า
เมนูขนมของที่ร้านเริ่มต้นที่ 100 เยน เราลองสั่ง cnaelle มากิน รสหนึบๆ แน่นเนย อร่อยดี
Location: 2 Come-1-16 Kitahama, Chuo Ward, Osaka, Osaka Prefecture
เวลาทำการ: 08.00 – 20.00 (จันทร์ – ศุกร์) และ 10.00 – 19.00 (เสาร์ – อาทิตย์)
Unir beans 1600
ร้านกาแฟนอุดมการณ์แน่วแน่ อยากเสิร์ฟกาแฟที่ตัวเองทานแล้วอร่อยให้คนอื่นได้รับรสชาติชื่อ Unir เป็นภาษาละตินแปลว่าหนึ่งเดียวกัน เจ้าของร้านต้องการจะสื่อถึงความเป็นหนึ่งเดียวของกระบวนการผลิตกาแฟนตั้งแต่ต้นน้ำ (เกษตรกร) ยันปลายน้ำ (ลูกค้า) ว่าเป็นหนึ่งเดียวกัน เพื่อพัฒนาวงการ Specialty Coffee
ร้านนี้มาจากจากโตเกียว เปิดในห้าง hankyu ชั้น10 สังเกตง่ายๆ มียีราฟ กับ พวกสัตว์ต่างๆ อยู่ข้างๆร้าน (ติดกับร้านleica) ถ้าเพื่อนๆคนไหน อยากมาช้อปย่าน umeda มาแวะพักกินกาแฟที่นี่ น่าจะผ่อนคลายไม่น้อย ที่ร้านไม่มีเก้าอี้ให้นั่ง หากอยากนั่งพัก ฝั่งตรงข้ามร้านจะมี สแตนที่นั่งใหญ่ๆ ไว้ให้กับลูกค้าในห้างนั่งกันอย่างคึกคักหากขึ้นไปชั้นบนของห้างจะมีเป็นโซนขนม มีหลายร้านมากๆ เรียงรายกันเลือกไม่ถูกแน่ๆ สาวกของหวานน่าจะชอบใจ
กลับมาที่ร้านกาแฟกันต่อ ร้านนี้มีขายทั้งอุปกรณ์ เครื่องบด เมล็ดกาแฟ เครื่องดื่ม ร้านนี้พิเศษกว่าร้านอื่นตรงที่หากซื้อกาแฟ ครบ 200 กรัม (จะถุง 100 กรัม 2 ถุง หรือ 250 กรัม 1 ถุง ก็ได้) จะได้ทานกาแฟฟรี 1 แก้ว ซึ่งบาริสต้าจะเป็นคนเลือกเมล็ดกาแฟให้เรา รอบที่เราไปเราสั่งนิการากัว กลับบ้าน 1 ถุงใหญ่ (1600 เยน) เลือกฟรีเป็น อเมริกาโน่เย็น บาริสต้าทำเป็นเมล็ดเอทิโอเปียให้กิน รวมๆ ค่อนข้างบาลานซ์ บอดี้ไม่หนักมาก รสชาติอมเปรี้ยว ถือว่าคุ้มค่า กับราคาที่จ่ายไปจริงๆ
Location: 10f hankyu department store. 8-7 Kakudacho, Kita, Osaka, Osaka Prefecture.
เวลาทำการ: 10.00-21.00 ของทุกวัน
Milpour
เรามาต่อกันที่ร้านที่ 3 ร้านนี้ไม่ธรรมดา ตรงที่ บาริสต้ามีดีกรี osaka latteart champion 2015 วิธีเดินทางมาก็ไม่ยาก 250 เมตรจากosaka metro shinsaibashi สายสีแดง
ที่ร้านขึ้นชื่อเรื่องกาแฟ organic และ ฮอตดอกที่ใช้ขนมปังจากยีสต์พิเศษ เนื้อเหนียว กรุบ และไส้กรอกนิ่มๆทำจากหมูเลี้ยงในฟาร์มปล่อย วันนี้เราลองสั่งchlli dog (390เยน) มาทานคู่กับ hot latte short (350เยน)
บรรยากาศร้านออกแนวอบอุ่น มีโต๊ะบาร์ในร้านใกล้ๆบาริสต้า กับโต๊ะรวมด้านนอกร้าน ร้านนี้เราประทับใจแก้ว take ของที่ร้านมาก สวยและดูดี รสชาติของกาแฟ ที่เราทานทำจากเมล็ด mill pour blend ของที่ร้าน (บราซิลกับอะไรสักอย่าง) คั่วเข้ม แต่รสชาติละมุนทานแล้วรู้สึกเหมือนกินชอคโกแลต ที่มีรสฉ่ำๆของผลไม้
อร่อยขนาดที่ต้องซื้อกลับบ้านมาทำทานเลย ตัวฮอตดอกไม่ต้องพูดถึง chilli แซ่บๆทานกับไส้กรอกและขนมปังชั้นเลิศเป็นเมนูรองท้องระหว่างวันได้อย่างลงตัว
Location: 3 Chome−6−1Ōsaka-fu, Ōsaka-shi, Chūō-ku, Minamisenba,
เวลาทำการ: 8.00-19.00 จ-ศ และ 10.00 – 19.00 ส-อา
HOOP
ร้านที่4 เป็นร้านที่เราชอบ concept การทำธุรกิจของที่ร้านมาเป็น ร้าน share roaster โดยจะให้คนมา shareเครื่องคั่ว(ของที่ร้าน), share ความรู้ และประสบการณ์การทำกาแฟกัน เครื่องคั่วที่ร้านนี้ใช้คือ probat สุดยอดเครื่องคั่วจากฝรั่งเศส
นอกจากนี้ที่ร้านยัง share พื้นที่กับร้านขายตุ้มหู และเสื้อผ้าผู้หญิง ในชั้นเดียวกันอีกด้วย นอกจากการขายเมล็ดกาแฟ ที่ต้องบอกว่าราคาถูกมากๆ (1000 เยน 250กรัม) ที่ร้านยังมีเมนูเครื่องดื่มให้เราทานอีกด้วย เราสั่งกาแฟดริป (500เยน)
ให้บาริสต้าแนะนำ ได้มาเป็น colombia เพราะเค้าบอกว่าลอตที่ได้มานี้ผลผลิต colombia เป็นลอตที่ดีที่สุดของปี รสชาติของกาแฟ ทานแล้ว acidity ดีมากๆรสชาติออกแนวcitrus เต็มปากเต็มคำ เผลอๆ ทานไปคุยไปหมดแก้วโดยไม่รู้ตัว บางทีที่ร้านยังจัด workshop share ความรู้ระหว่างคนในวงการกาแฟอีกด้วย
Location: 4 Chome−7−15, B1F, Ōsaka-fu, Ōsaka-shi, Chūō-ku, Minamisenba,
เวลาทำการ: 8.30-19.00 อ-ศ10.00-19.00 ส-จ
LILO COFFEE
Lilo coffee มี slogan ที่เปลี่ยนไปในแต่ละปีส่วนของปีนี้ คือ “life is colorful” จากการที่เป็นปีที่เจ้าของร้านพบผู้คนในวงการกาแฟใหม่ๆ มากมาย ร้านนี้มีกาแฟให้เลือกหลากหลาย origin มากๆ มากจนเลือกไม่ถูกเจ้าของเป็นช่างตัดผมที่ใฝ่ฝันอยากมีโรงคั่วกาแฟ
วันหนึ่งได้รู้จักกับเจ้าของที่จะปล่อยให้เช่าพื้นที่พอดี แต่ร้านที่ผ่านๆมาไม่เคยมีร้านไหนอยู่รอดในทำเลนี้ได้เลย เจ้าของตึกต้องการคนที่จะมาเปิดร้านที่จะพัฒนาย่านทำเลนี้ไปด้วย ฮัตตะซังจึงสนใจและชวนเพื่อนมาเปิดโรงคั่วกับร้านกาแฟด้วยกันที่นี่ เพื่อตอบแทนพื้นที่ที่สร้างชื่อเสียงให้ร้านตัดผมของเขา
วิธีการมาก็เดินมา ไม่ไกลจากย่าน ชอปของสายสตรีทแฟชั่น amemura วันนี้เราทานกาแฟมาเยอะเลย ขอสั่งเป็นของหวานแต่ยังคงเป็นกาแฟ อย่าง afforgato (450เยน) เมนูนี้ของที่ร้านสามารถเลือกได้ 2 แบบคือ regular bean กับ premium bean ซึ่งรสชาติก็จะต่างๆกันตามorigin
เราลอง regular bean เป็น lilo blend รสชาติจะออกแนวเข้มๆไหม้ๆหน่อย เวลาทานคู่กับไอศกรีม วนิลา โรยผงโกโก้ ได้รสชาติ salty เข้ากันสุดๆ กินเพลินๆ
Location: 1 Chome-1-10-28 Nishishinsaibashi, Chūō-ku, Ōsaka-shi, Ōsaka-fu
เวลาทำการ: 11.00-23.00 ยกเว้นวันเสาร์ 9.00-23.00
STREAMER COFFEE
ร้านต่อมาคือ streamer coffee ติดกับ lilo เลยร้านนี้เป็นร้านของ hiroshi sawada ชายญี่ปุ่นคนแรกที่ได้แชมป์ world latte art champion ร้านนี้เป็นสาขามา ที่ 6 จากสาขาแรกที่ชิบูย่า โตเกียว ร้านนี้เป็นร้านแนวๆ เหมือนร้านขายเสกตบอร์ด ดัดแปลงเป็นร้านกาแฟยังไงยังงั้น
ผู้คนที่มาทานที่ร้านนี้ก็แต่งตัวกันแนวๆ จัดเต็มกันทั้งนั้น ถือว่าเป็นที่รวมตัวของขาโจ๋ที่ย่านนี้เลยทีเดียว ในส่วนของกาแฟไม่ต้องพูดถึง
ถ้ามาร้านนี้ไม่กิน hot latte ถือว่าผิด เพราะสกิล latte art ของพนักงานแต่ละคนบอกเลยว่าสุดยอดมากๆ ผ่านการคัดเลือกมาอย่างพิถีพิถันจริงๆนอกจากความสวยงามแล้วรสชาติยังถูกใจเราที่สุดในทริปนี้ เราสั่ง streamer latte (แก้ว12oz, 570เยน) แก้วนี้แค่ดูลาย latte art ก็คุ้มแล้ว
กับ special of the month เป็นเมนู mocha caramel maple (600เยน) รสชาติสุดยอดมากๆ หวานมันเข้มหอม รสของกาแฟมาเต็มๆ ไม่โดนนมกลบ มีรสชาติชอคโกแลตแซมๆมาแบบอุ่นๆ ปิดท้ายด้วยรสชาติของเมเปิล ชอบมากขนาดก่อนกลับยังแวะกลับไปทานอีกรอบ
Location: 1 Chome-10-19 Nishishinsaibashi, Chūō-ku, Ōsaka-shi, Ōsaka-fu
เวลาทำการ: 9.00-21.00 (ทุกวัน)
จะให้เก็บแค่ content คาเฟ่อย่างเดียวก็กลัวจะเบื่อ จริงๆ โอซาก้า เป็นประเทศที่ควรมาหน้านี้เลยครับ ก่อนปีใหม่ และอีกทีที่แนะนำคือช่วง summer นี้พูดเหมือนเคยไป ไม่เคยนะ แต่ก็พอเก็บข้อมูลคร่าวๆ ไว้บ้าง
ร้านนี้ไม่อยู่ในโอซาก้า (แต่อยู่ใกล้ๆ) ยังไงเราก็อยากนำเสนอร้านนี้ที่สุด เพราะเป็นร้านที่รวมๆ แล้วประทับใจมาก ร้านนี้เป็นสาขาที่ตั้งอยู่ในเกียวโต แถวๆ วัดน้ำใส (คิโยมิตสุ) สาขา arayashima ใครผ่านมาเทค่ยวแถวนี้ ต้องโดนนะ
ร้านตั้งอยู่ในย่านที่มีความเก่าและใหม่าผสานกันได้อย่างลงตัว ทั้งสถาปัตยกรรม บ้านแบบโบราณ แต่ร้านรวงย่างนั้นมีทั้งขายขนาของฝากและร้านเสื้อผ้าสมัยใหม่ ปนๆ กันไป
วันนี้เราโชคดีมากๆ ที่ได้เจอคุณจุนอิจิ co-founder ขอ งร้านมาประจำการที่ร้านวันนี้ คนนี้การันตีรางวัล japan latter art champion กับเครื่องชงเครื่องบด อุปกรณ์จัดเต็มมากๆ สีขาวคุมโทน ถ่ายมุมไหนของร้านก็สวย เจ้าของร้านยังแอคท่าให้ถ่ายรูปแบบเท่ๆ ทุกชอตจนต้องกรี๊ดดดด
เราสั่ง Latter ร้อน (450 เยน) กับอเมริกาโน่เย็นร (450 เยน) มาชม หากเราอย่างสั่งกาแฟกลับบ้าน ร้ืานนี้จะคั่วสดๆ ภายในร้านให้เราเลย (ยกเว้นตัวที่ีใช้เสิร์ฟที่ร้าน จะคั่วมาแล้วแบ่งมาให้)
ร้านนี้มีหลายสาขามากๆ กระจายในหลายประเทศทั่วโลก กาแฟนรสชาติอร่อย ละมุน ลาเต้อาร์ทงามหยดส่วนกาแฟดำออกแนวเข้มไปนิดสำหรับเรา ถ้าใครมีเวลาเหลือ วางแผนเที่ยวเกียวโตสักวันก็อย่าลืมแวะมาร้านนี้ ประทับใจแน่นอน
Location: 3−47 Sagatenryūji Susukinobabachō, Ukyō-ku, Kyōto-shi, Kyōto-fu
เวลาทำการ: 8.00-18.00 (ทุกวัน)
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ กับ contetn ที่น้องผมเดินทางไปรวบรวมมา หวังว่าเพื่อนๆ หลายคนคงจะชอบ และลอกตามใน 7 คาเฟ่นี่แหละ ถ้าสำหรับผมแล้ว จากทั้งหมด 7 ที่นี้ ผมชอบอยู่ร้านหนึ่ง และถ้ามีโอกาสได้ไป จะแวะไปที่ร้านนั้นแน่นอน แล้วเจอกันระหว่างทางครับผม
1 Comment